คำค้นหา : การควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

คำนี้ค้นหามาแล้ว : 183 ครั้ง
การดื่มเหล้าแบบรวดเดียวและการแข่งดื่ม คนดื่มเสี่ยง คนเชียร์สนุก?
https://cas.or.th/content?id=621

การดื่มเหล้าแบบรวดเดียวและการแข่งดื่ม คนดื่มเสี่ยง คนเชียร์สนุก⁉️

จากกระแสข่าวเด็กหญิงอายุ 13 ปี ถูกจ้างกระดกเหล้าเพียวๆ ในงานแห่นาค แลกกับเงิน 1 พันบาท น็อกเข้าไอซียู โดยญาติของน้องเล่าว่า เหตุการณ์เกิดจากกลุ่มชายวัยกลางคนหลายคนว่าจ้างและส่งเสียงเชียร์อย่างสนุกสนาน ให้เด็กหญิงวัย 13 ปีและเพื่อน ซึ่งเป็นเด็กชายวัย 13 ปีเช่นเดียวกัน ดื่มสุราเพียวๆ คนละครึ่งขวด หากดื่มหมดจะให้เงินค่าจ้าง 1,000 บาท จนเป็นเหตุให้เด็กหญิงเกิดอาการช็อก หมดสติ และถูกหามส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา

อาการช็อกหมดสติที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ (alcohol intoxication) ต่อร่างกาย และปริมาณน้ำในร่างกายที่เพิ่มขึ้นมามากก็อาจส่งผลให้เกิดภาวะน้ำเป็นพิษ (water intoxication) ซึ่งส่งผลให้เกิดสมองบวมและระดับเกลือแร่ในเลือดเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นสารที่ออกฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง คล้ายยากดประสาท ซึ่งฤทธิ์นี้จะขึ้นโดยตรงกับปริมาณแอลกอฮอล์ที่ได้รับ ยกตัวอย่างเช่น การดื่มเหล้าหมดทีเดียว 1 ขวด จะทำให้แอลกอฮอล์ในกระแสเลือดเพิ่มสูงขึ้นได้ถึง 250 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้เสี่ยงต่อการสำลัก อาเจียน หายใจไม่ออก หยุดหายใจ หมดสติ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตจากการได้รับแอลกอฮอล์เกินขนาด ซึ่งโดยทั่วไป นักดื่มมักจะค่อยๆ ดื่ม จะเป็นการเปิดโอกาสให้ร่างกายได้ค่อยๆ ทำลาย และขับแอลกอฮอล์ออกจากกระแสเลือด ทำให้แอลกอฮอล์ไม่คั่งอยู่ในร่างกายของผู้ที่ดื่มมากนัก

แต่ในกรณีการดื่มแบบรวดเดียวในเวลาจำกัดนี้ อย่างกรณีของเด็กหญิงที่นอนอาการโคม่าอยู่นั้น จะมีลักษณะเหมือนเทแอลกอฮอล์พรวดเข้าไปในกระแสเลือดโดยไม่เว้นช่วงเวลาให้ร่างกายขับแอลกอฮอล์ออกมา กอปรกับน้องอายุเพียง 13 ปี นับเป็นเยาวชนที่องค์การอนามัยโลกจัดอยู่ในกลุ่มเปราะบางและแนะนำว่าไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แม้น้องจะดื่มเพียงครึ่งขวด แต่ส่งผลอันตรายจนทำให้น้องช็อกหมดสติ

จากพยานหลักฐาน พบว่า เหตุการณ์ในคลิปวีดีโอสอดคล้องกับคำบอกเล่าของพยาน โดยชายผู้ว่าจ้างเข้ามามอบตัวด้วยตนเอง และให้การภาคเสธ ยอมรับว่า อยู่ในขบวนแห่นาค จ่ายเงินให้เด็กหลังดื่มสุราจริง แต่ไม่ได้บังคับให้เด็กดื่มหมดขวด พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา บังคับขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร ว่าจ้างให้เด็กดื่มสุรา จนเป็นอันตรายต่อร่างกาย โทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 หมวด 2 มาตรา 26 (3) นอกจากนี้ พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก ครั้งแรก มีการห้ามขายเหล้าให้เด็กต่ำกว่า 18 ปี เพื่อมุ่งหวังที่จะรักษาผลประโยชน์ ปกป้อง สวัสดิภาพเด็ก และสร้างบรรทัดฐานในการคุ้มครองชีวิตของเด็ก

หากเป็นกรณีที่มีการเชิญชวนเข้าร่วมกิจกรรมแข่งกิน/ดื่มเบียร์หรือเหล้า และมีโปรโมชั่นจัดหนักจัดเต็มด้วยการโพสต์ผ่านทางโซเชียลมีเดียของร้านค้าหรือสถานประกอบการนั้น ถือว่าเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มาตรา 30 (3) ห้ามมิให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีการหรือในลักษณะการลดราคาเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการขาย และ (4) ห้ามมิให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีการหรือในลักษณะการให้หรือเสนอให้สิทธิในการเข้าชมการแข่งขัน การแสดง การให้บริการ การชิงโชค การชิงรางวัล หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดเป็นการตอบแทนแก่ผู้ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแก่ผู้นำหีบห่อหรือสลากหรือสิ่งอื่นใดเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาแลกเปลี่ยนหรือแลกซื้อ ซึ่งนับเป็นการจูงใจสาธารณชนให้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และหากการเชิญชวนให้ดื่มนั้น ทำให้ลูกค้าได้รับอันตรายต่างๆ สามารถเอาผิดร้านค้าหรือสถานประกอบการในฐานะผู้ขายที่ควรต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วยเช่นกัน เพราะผู้ขายอยู่ในข่ายของการก่อช่องภัยและอยู่ใกล้แก่เหตุจะเกิดความเสียหาย ซึ่งสามารถจะช่วยยับยั้งไม่ให้ปัญหาลุกลามไว้ได้แต่ต้น ข้อบังคับนี้มีเจตนาเพื่อให้ผู้เสียหายได้รับการชดเชยที่เป็นธรรม และเพื่อให้ผู้ขายมีการขายอย่างรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งโดยรวมแล้ว ก็เพื่อเป็นการรักษาสวัสดิภาพและความปลอดภัยในสังคมนั่นเอง

แหล่งที่มา:
https://www.pptvhd36.com/…/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0…/225860
https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/2792068
https://news.ch7.com/detail/733007

การประเมินผลทางเศรษฐกิจ สุขภาพ และสังคม หากมีการอนุญาตให้ผู้ผลิต รายย่อยสามารถผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ หากมีการยกเลิกการกำหนดเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
https://cas.or.th/content?id=132

รายงานวิจัย เรื่อง การประเมินผลทางเศรษฐกิจ สุขภาพ และสังคม หากมีการอนุญาตให้ผู้ผลิต รายย่อยสามารถผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ หากมีการยกเลิกการกำหนดเวลาห้ามขาย เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และหากมีการกำหนดพื้นที่พิเศษเพื่อขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สำหรับ การท่องเที่ยวยามค่ำคืน

เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้นโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มุมมองจากนานาชาติ
https://cas.or.th/content?id=622
Tags : -

กำหนดการเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้นโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มุมมองจากนานาชาติ


Mr. Dag Rekve เจ้าหน้าที่อาวุโส องค์การอนามัยโลกสำนักงานใหญ่ (World Health Organization) นำเสนอข้อมูลความท้าทายในจัดการปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระดับนานาชาติและระดับประเทศ และทิศทางในอนาคต ชี้ว่าคนทั่วโลกกว่าร้อยละ 56 ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ พฤติกรรมการดื่มไม่ใช่เรื่องปกติของสังคม ร้อยละ 4.7 ของการเสียชีวิตเกี่ยวข้องกับการดื่มแอลกอฮอล์หรือกว่า 2.6 ล้านคน ในจำนวนนี้กว่าครึ่งหนึ่งเสียชีวิตก่อนวัยหกสิบซึ่งนับเป็นความสูญเสียมหาศาล ทั้งที่ป้องกันได้ด้วยนโยบายแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมราคา การจำกัดการเข้าถึงทางกายภาพ และควบคุมกิจกรรมการตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามยุทธศาสตร์โลกและแผนปฏิบัติการระดับโลก แต่อุปสรรคที่สำคัญในบางประเทศที่ทำให้ไม่สามารถออกนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มุ่งเน้นการปกป้องสุขภาพของประชาชนได้ คือ อิทธิพลของกลุ่มธุรกิจในกระบวนการตัดสินทางนโยบาย การปรับแก้กฎหมายใดๆ ต้องไม่เปิดช่องให้ธุรกิจเข้ามาแทรกแซง ซึ่งตอนนี้องค์การอนามัยโลกกำลังเตรียมออกแนวปฏิบัติที่ถูกต้องเพื่อป้องกันปัญหานี้

“นโยบายควบคุมเหล้าไทยจัดว่าก้าวหน้า การแก้กฎหมายครั้งนี้ควรมองไปอนาคตระยะยาวเอาสวัสดิภาพและคุณภาพชีวิตประชากรเป็นตัวตั้ง ข้อมูลภาระโรคปี 2019 ร้อยละ 7.7 ของการเสียชีวิตของประชากรไทยเกิดจากแอลกอฮอล์ หรือกว่า 38,073 ราย รัฐควรตัดสินใจว่าจะลดความสูญเสียนี้อย่างไรต่อไป การจัดการปัญหาแอลกอฮอล์ต้องร่วมกันหลายภาคส่วนและทำในทุกระดับ การลดหย่อนความเข้มข้นของกฎหมายควบคุมเหล้าเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวควรต้องทบทวนให้ดี นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทยไม่ได้มาเพื่อดื่มในประเทศสวยงามทั้งสถานที่ วัฒนธรรม และผู้คน”
 


Professor Thomas F. Babor จาก University of Connecticut School of Medicine สหรัฐอเมริกา นักวิชาการอาวุโสระดับโลกและหัวหน้าบรรณาธิการวารสารวิชาการชั้นนำด้านการเสพติดหลายสำนักและบรรณาธิการหนังสือ “สุราไม่ใช่สินค้าธรรมดา” ให้ข้อมูลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผลประโยชน์และต้นทุนผลกระทบของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจยามราตรีด้วยการส่งเสริมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากต่างประเทศ ที่เนเธอแลนด์พบผลจากขยายเวลาขายเพิ่ม 1 ชั่วโมงในช่วงกลางคืนทำให้มีการเรียกรถพยาบาลจากเหตุการณ์บาดเจ็บจากแอลกอฮอล์มากขึ้นถึง 34% ที่นอร์เวย์ขยายเวลาขายเพิ่ม 1-2 ชั่วโมงทำให้อุบัติการณ์การทำร้ายร่างกายเพิ่มขึ้น 25% การท่องเที่ยวสายปาร์ตี้ (party tourisms) นี้ผลประโยชน์อาจไม่ได้สูงเพราะนักท่องเที่ยวกลุ่มวัยรุ่นกำลังซื้อไม่สูงและอยู่มาเพียงระยะสั้น ในขณะที่สร้างต้นทุนทางสังคมที่เพิ่มขึ้นต่อห้องฉุกเฉินและสถานีตำรวจ และอาจมีความเสี่ยงปัญหายาเสพติดเพิ่มขึ้นด้วย หากไทยจะกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจควรเน้นไปที่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (wellness tourism) และวัฒนธรรมมากกว่า ซึ่งเป็นที่นิยม ไม่สร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดี และสร้างมูลค่าสูงกว่าจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่กำลังซื้อสูงกว่า

การควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.)

Centre for Alcohol Studies (CAS)

สาขาวิชาระบาดวิทยา ชั้น 6 อาคารบริหารคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เลขที่ 15 ถนนกาญจนวนิช ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 90110

083-5775533

https://www.facebook.com/cas.org.th

เข้าชมแล้ว 0 ครั้ง
Copyright © 2025 CAS All rights reserved.