คำค้นหา : สุรา

คำนี้ค้นหามาแล้ว : 405 ครั้ง
ถ้าไม่ขีดเส้นให้ชัด ก็จะถูกรุกล้ำมาเรื่อยๆ
https://cas.or.th/content?id=532
Tags : -

ก่อนสงกรานต์ พ.ศ.2562 ที่ผ่านมา มีการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจอันหนึ่งจากองค์กรแนวร่วมรณรงค์ให้สังคมปลอดภัยจากภัยแอลกอฮอล์ และ ประชาชนกลุ่มหนึ่ง ให้รัฐบาลพิจารณาออกคำสั่งห้ามจำหน่ายแอลกอฮอล์ในวันที่ 13 เมษายน ซึ่งเป็นวันสงกรานต์ใหญ่ ช่วงเวลาของการนำประเด็นนี้มาพูดในวงสาธารณะเริ่มขึ้นประมาณต้นเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง กระแสเลือกตั้งที่มาแรงจึงกลบประเด็นนี้ให้เป็นประเด็นรอง รวมถึงพรรคการเมืองแทบทุกพรรคไปจนถึงรัฐบาล ต่างไม่มีใครกล้านำประเด็นนี้ไปเล่นต่อ นโยบายแบบขัดความสนุกของประชาชนล่อแหลมต่อการเสียคะแนนนิยม ถ้าทู่ซี้ผลักดันขึ้นมาจริง ๆ ในช่วงใกล้สงกรานต์ด้วย คงไม่ดีต่อคะแนนเสียง แต่ถ้าผลักดันเรื่องที่ทำให้คนได้สนุกกันอย่างกัญชาเสรี อันนี้ก็อาจจะถูกใจคนหมู่มากได้ ในมุมมองของคนติดตามเรื่องนโยบายเพื่อป้องกันผลกระทบของแอลกอฮอล์ต่อสังคม ถือว่าสงกรานต์ปีนี้เราไม่มีมาตรการอะไรใหม่ไปกว่าปีที่ผ่านมา เมื่อมาตรการทุกอย่างคงเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คนไทยก็คนเดิม ๆ สงกรานต์ไทยก็แบบเดิม ๆ ก็เดาได้ว่าผลกระทบจากแอลกอฮอล์ในช่วงสงกรานต์ก็น่าจะยังไม่เปลี่ยนอะไรมาก

หนึ่งในเหตุการณ์ที่กระทบกับขวัญกำลังใจบุคลากรสาธารณสุขไทยที่สุดในช่วงสงกรานต์ปีนี้ คือ เหตุการที่วัยรุ่นเข้ามาตีกันในโรงพยาบาล เกิดจากเหตุติดพันที่เกิดขึ้นก่อนหน้า เมื่อนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล ก็ตามสานต่อกันถึงที่ สมัยที่ผมยังเป็นหมอฝึกหัดในโรงพยาบาลประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่อง ความดุของนักเลงเจ้าถิ่น ทุกครั้งที่อยู่เวรห้องฉุกเฉิน ในความรู้สึกของแพทย์ พยาบาลในห้องฉุกเฉิน เราจะมีประเภทของคนไข้ที่ไม่อยากให้เข้ามาในช่วงที่อยู่เวรเลยคือ

– คนไข้ที่คนเมาที่ประสบอุบัติเหตุมา แม้ว่าจรรยาบรรณทางการแพทย์จะสอนให้เรารักษาคนไข้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน แต่อดมีอารมณ์ไม่ได้เวลาที่เห็นคนเมาแล้วขับรถจนเกิดอุบติเหตุต้องเข้าห้องฉุกเฉิน ผมมักมีคำถามถามถึงเจ้าหน้าที่ส่งตัวเสมอว่าคนไข้ชนใครมาบ้างไหม ถ้าชนมาก็ยิ่งทำให้เรา (ในตอนนั้น) มีอารมณ์มากยิ่งขึ้น คนไข้กลุ่มนี้นอกจากเมาพูดไม่รู้เรื่อง ไม่ให้ความร่วมมือในการรักษา บางครั้งก็โวยวาย ทำร้ายร่างกายแพทย์ พยาบาลได้ จะให้น้ำเกลือ เจาะเลือดก็ต้องระวังตัวมากกว่าเดิม เพราะเข็มในมือเราพร้อมจะโดนปัดกวาดจากมือเท้าคนไข้อยู่ตลอดเวลา

– คนไข้วัยรุ่นที่ถูกส่งเข้ามาเพราะมีเรื่องทะเลาะวิวาท ซึ่งส่วนมากที่เคยเจอก็มักเมามาด้วย เราต้องระวังอยู่เสมอว่าจะมีใครตามมาเช็คบิล คนไข้เราบนเตียงไหม ห่วงทั้งคนไข้และชีวิตตัวเอง ตอนที่คนไข้ไปแย้ว ๆ ข้างนอกนั่นเราไม่รู้หรอกว่าเขาซ่าขนาดไหนเวลาอยู่กับพรรคพวกตัวเองข้างนอก แต่ตอนนอนบนเตียงถูกเข้ามาในห้องฉุกเฉิน มักนอนหงอยน่าสงสาร ถ้าโดนคู่อริมาบวกเพิ่มคงแย่ทั้งคนรักษาและคนไข้

ชีวิตที่เจอคนไข้เมาแล้วบาดเจ็บจากทั้งสองกรณีเข้ามาในโรงพยาบาลเกือบทุกครั้งที่อยู่เวร จนตอนนั้นตั้งปณิธานกับตัวเองเลยว่า ถ้าเป็นไปได้ไม่อยากเจอคนเมาในห้องฉุกเฉินอีกแล้ว ซึ่งปณิธานนี้ได้บรรลุเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันผมไม่ได้ออกตรวจในห้องฉุกเฉินมาหลายปี เลยไม่ได้เจอคนไข้ประเภทนี้เลย แต่ก็ได้ทำงานอีกรูปแบบหนึ่งที่จะช่วยให้เพื่อนร่วมวิชาชีพของผมตอนนี้ได้พบกับปัญหาจากคนเมาลดลง นั่นคือการเป็นนักวิชาการด้านนโยบายแอลกอฮอล์ ถ้าทำได้สำเร็จตามความตั้งใจจริง ๆ คงลดคนไข้เมาแล้วขับ เมาแล้วทะเลาะวิวาทได้หลายแสนคนต่อปี นั่นคือความฝันที่อยากให้เป็นจริงนะครับ

เล่าถึงความรู้สึกที่โดนคุกคามในห้องฉุกเฉินเพิ่มนิดหนึ่ง เผื่อให้คนที่ไม่ใช่แพทย์พยาบาลได้นึกออก โดยทั่วไปแล้วห้องฉุกเฉินของรพ.ประจำจังหวัดมักเป็นสถานที่ที่มีความวุ่นวายตลอดเวลา นอกจากต้องรับคนไข้ฉุกเฉินในพื้นที่ใกล้เคียงกับรพ.แล้ว ยังต้องรับคนไข้หนักที่โรงพยาบาลประจำอำเภอดูแลไม่ได้เข้ามารักษาต่อในโรงพยาบาลจังหวัด ในวันปกติความวุ่นวายก็จะพอดีกับอัตรากำลังแพทย์ พยาบาล ที่จัดไว้ แต่ถ้าถึงช่วงเทศกาลเมื่อไหร่ ความวุ่นวายจะเพิ่มเป็นทวีคูณ ใคร ๆ ก็อยากหยุดงานในวันเทศกาลทั้งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ทำงานโรงพยาบาล งานอื่น ๆ ถึงวันหยุดก็หยุดพักผ่อน ไม่ต้องทำงานก็ไม่กระทบใคร แต่เมื่อถึงวันหยุดยาว วันที่คนเดินทางกันมากขึ้น คนสังสรรค์กันมากกว่าปกติ อุบัติเหตุก็มากกว่าปกติ คนไข้ก็มากขึ้นด้วย แต่จำนวนคนทำงานในโรงพยาบาลลดลงจากวันปกตินะครับ หมอ พยาบาลที่จับฉลากต้องอยู่เวรในช่วงเทศกาลเลยน่าสงสารสุดด้วย

ประการฉะนี้ ในความรู้สึกของเจ้าหน้าที่ เขาคิดว่าการเดินทางมาทำงานเพื่อช่วยเหลือชีวิตคนไข้ก็ถือว่าเสียสละมากแล้ว โดยเฉพาะช่วงเทศกาลหยุดยาวที่คนไข้มากขึ้นงานหนักขึ้น แต่หากต้องได้รับบาดเจ็บ หรือ เสียชีวิตจากการมาทำงาน ก็คงเป็นเรื่องสะเทือนขวัญกำลังใจอย่างที่สุด ประเทศเราเคยมีเหตุความรุนแรงในห้องฉุกเฉินตั้งแต่ บุกเข้ามามีเรื่องทำร้ายเจ้าหน้าที่โดยตรง ไปจนถึงมีเรื่องกันยังไม่จบก็พาพรรคพวกมาสาดอาวุธกันที่โรงพยาบาล โดยไม่สนใจว่าผู้ป่วยคนอื่นและเจ้าหน้าที่จะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง

คราวนี้ลองมาดูว่าสาเหตุของความรุนแรงที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล เราจะพบว่าจากเหตุการตัวอย่างที่เรายกขึ้นมานำเสนอ สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการใช้ความรุนแรงมีปัจจัยจาก 2 ส่วน อันหนึ่งคือตัวผู้รับบริการ และ อีกส่วนหนึ่งคือคุณภาพของการบริการ ในส่วนปัจจัยที่เกิดจากผู้รับบริการ มีกรณีของวัยรุ่นเข้ามาต่อยตีกันในโรงพยาบาลหลายกรณี หากตามไปอ่านในรายละเอียดของแต่ละกรณี ก็จะพบว่าผู้ก่อเหตุกลุ่มนี้มักมีอาการเมาสุราด้วย

เคยมีนักวิจัยในไทยทำการสำรวจเรื่องลักษณะการใช้ความรุนแรงในสถานพยาบาล (นภัสวรรณ พชรธนสาร, 2560) ซึ่งพื้นที่การศึกษาอยู่ในเขตจังหวัดภาคตะวันออกของไทย ก็พบว่า ร้อยละ 60 ของบุคลากรใน รพ. เคยได้รับประสบการณ์ตรงเรื่องความรุนแรงในสถานพยาบาล ร้อยละ 80 ของเหตุความรุนแรงมักเกิดขึ้นในห้องฉุกเฉิน และ สองสาเหตุสำคัญที่สุดที่เป็นเหตุให้มีการใช้ความรุนแรงคือ รอรับการบริการที่นานเกินไป (ร้อยละ 77) และ เมาสุรา (ร้อยละ 70)

ผมคงไม่ลงรายละเอียดในเรื่องคุณภาพการบริการมากนัก เนื่องจากไม่มีความเชี่ยวชาญโดยตรง แต่จะคุยกันให้ตกผลึกว่าเราจะร่วมกันสร้างความปลอดภัยให้กับบุคลากรในสถานพยาบาลจากคนเมาได้อย่างไร

ปัญหาอยู่ตรงไหน?

ผมจะเชื่อมโยงแค่สองอย่างคือ ความรุนแรงในสถานพยาบาลและคนเมาเท่านั้น เพื่อให้เกิดข้อเสนอทางนโยบายในประเด็นนี้ได้ คนไทยตอนนี้อยู่ในสังคมที่ว่า หากมีชีวิตอยู่นานพอ จะต้องเคยได้รับผลกระทบจากคนเมา จากการสำรวจประชาชนไทย พบว่า 8 ใน 10 เคยมีประสบการณ์ได้รับผลกระทบจากภัยแอลกอฮอล์มือสอง ภัยของแอลกอฮอล์มือสองได้ขยายขอบเขตลุกลามไปยังพื้นที่ที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะไปถึงได้ เมื่อพูดถึงภัยแอลกอฮอล์มือสอง ในสามัญสำนึกของคนไทยคงเข้าใจว่าผู้ได้รับผลกระทบนั้นควรใกล้ชิดกับแอลกอฮอล์มากพอ คนที่ควรจะได้รับความเดือดร้อนจากคนเมา ควรเป็นคนที่มีบ้านเรือนใกล้แหล่งบันเทิงที่มีคนดื่มกินกันมาก ๆ โดยเฉพาะแหล่งที่วัยรุ่นมั่วสุม คนที่ทำงานในสถานบันเทิงที่อาจถูกลวนลามโดยคนเมา คนที่ขายเหล้า (ร้านเหล้าที่ขายกลางคืนมักปิดประตูมิดชิดด้วยเหตุนี้) ภรรยาและครอบครัวของนักดื่ม เป็นต้น คนที่ไม่ได้อยู่ในวงใกล้ชิดกับการดื่มแอลกอฮอล์นั้นอยู่ไกลจากสามัญสำนึกของเราว่าจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากแอลกอฮอล์ แต่ในปัจจุบัน มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้ว ผลกระทบจากภัยแอลกอฮอล์มือสองได้รุกล้ำไปยังหลายเขตหลายพื้นที่ ที่สังคมไม่คาดว่าจะมี แต่มันเกิดขึ้น นอกจากสถานพยาบาลที่พื้นที่เชิงจินตภาพค่อนข้างไกลจากนักดื่ม หมายความว่า คงไม่มีคนปกติคนไหนพาเหล้าไปดวดดื่มกันในโรงพยาบาลให้เมากัน เพราะภาพของโรงพยาบาลกับเหล้ามันไปด้วยกันไม่ได้ แต่อย่างที่ปรากฏในหลายกรณี ทุกวันนี้เรามีคนเมาเข้าไปสร้างความเดือดร้อนให้คนป่วยและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้ เมื่อไม่กี่เดือนก่อน วัด กับ โรงเรียน ซึ่งถือเป็นสองสถานที่ที่ไม่ควรสัมพันธ์กับแอลกอฮอล์ หรือสมควรจะได้รับความเดือดร้อนจากแอลกอฮอล์ ก็กลายเป็นพื้นที่ที่ถูกรุกล้ำให้ได้รับผลกระทบจากภัยแอลกอฮอล์มือสองไปแล้ว

เมื่อไม่ขีดเส้นให้ชัดเจนว่า ต้องมีพื้นที่พิเศษบางอย่างที่ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะเกิดเหตุจากคนเมาขึ้น อนาคตคงพอเห็นภาพว่าจะมีเหตุแบบนี้เกิดขึ้นเรื่อย ๆ

จะขีดเส้นอย่างไรให้คมชัดและได้ผลจริง

ในตรรกะขั้นนี้เราต้องตกลงกันก่อนว่าแอลกอฮอล์ไม่ใช่สินค้าธรรมดา เป็นสินค้าพิเศษที่ต้องควบคุม หากการควบคุมมันไม่มีประสิทธิภาพ ความพิเศษของมันก็จะทำให้เกิดผลเสียต่อสังคมโดยรวม สังคมที่เจริญทางความคิดก็ค้าขายแอลกอฮอล์กันได้ แต่วิธีควบคุมนั้นต้องมี

ความรุนแรงจากแอลกอฮอล์ที่รุกล้ำเข้าในสถานที่พิเศษดังกล่าว เป็นผลพวงจากการควบคุมแอลกอฮอล์ในพื้นที่ปกติของมันไม่ได้ หากควบคุมได้มันคงไม่ออกมาสร้างความเดือดร้อนภายนอกพื้นที่ที่จำกัดมันไว้ ดังนั้นหากเรากำลังคิดจะหาวิธีที่ที่ทำให้สถานพยาบาล วัด หรือ โรงเรียน ปลอดภัยจากภัยแอลกอฮอล์มือสอง การแก้ปัญหาไม่ใช่การไปจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัยเพิ่ม สร้างรั้วให้แน่นหนาขึ้น หรือ ทำที่ตรวจจับอาวุธก่อนเข้าสถานที่ทั้งสามนี้ แต่วิธีการที่ดีกว่าในการจัดการแก้ปัญหานี้คือการควบคุมแอลกอฮอล์ในพื้นที่ที่มันถูก ซื้อ ขาย และ ดื่ม ให้ดี

ในช่วงวันปกติ เรามีมาตรการควบคุม โดยการจำกัดเวลาขาย จำกัดสถานที่ขาย จำกัดอายุผู้ซื้อ มาตรการเหล่านี้ถ้าบังคับใช้อย่างจริงจังก็คงลดปัญหาได้มาก แต่ในทางปฏิบัติเราพบว่าร้านค้าปลีกในประเทศมีมากเกินกว่าจำนวนผู้บังคับกฎหมายที่จะกวดขันได้หลายเท่า ร้านค้าปลีกตามชุมชนจึงไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบนี้ ในต่างประเทศจึงมีการเพิ่มระเบียบพิเศษว่าด้วยการร่วมรับผิดชอบของร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้นักดื่มที่ออกไปก่อความเสียหายนอกร้าน (Dram shop liability) กลไกลนี้จะช่วยทำให้ร้านค้าต้องกวดขันระเบียบให้มากขึ้น ไม่จำหน่ายให้กับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่จำหน่ายให้บุคคลที่มีท่าทีจะทำอันตรายต่อสังคมหากมีอาการมึนเมา เช่น คนขับรถมาด้วยตัวเอง

แต่ในช่วงเทศกาลที่คนรวมตัวกันมากขึ้น กิจกรรมมีมากกว่าช่วงปกติ มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่สาธารณะมากขึ้น มีการเดินทางไปและกลับจากบ้านมายังพื้นที่สาธารณะ มีการพบปะของกลุ่มคนที่มาจากต่างที่ต่างถิ่น ร่วมกับการมีอาการมึนเมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การจัดการปัญหาที่จะตามมาจึงกลายเป็นเรื่องซับซ้อน เราจึงมีทางเลือกไม่กี่ทางสำหรับการแก้ไขปัญหานี้

ทางเลือกแรก คือ แก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ เตรียมรับความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นจากการดื่มแอลกอฮอล์ ในทุกสถานที่ ทุกสถานการณ์ ทุกเวลา ความรับผิดชอบจะกลายเป็นของประชาชนแทบทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ที่มีการให้ดื่ม หรือ ไม่มีการให้ดื่ม

ทางที่สอง คือจัดการทดลองมาตรการควบคุมต่าง ๆ ให้เข้มงวดขึ้น ห้ามขายแอลกอฮอล์ตามเวลาที่กำหนด ห้ามขายให้คนอายุไม่ถึง จำกัดปริมาณ เรามีเวลาในการทำสิ่งนี้มานานหลายปี และเห็นได้ชัดว่าไม่ได้ลดปัญหาลง

ทางที่สาม คือ งดเว้นการขายในช่วงเทศกาลไปเลย แม้จะดูเป็นทางเลือกที่สุดโต่ง แต่ไม่ใช่ทางเลือกที่ไร้เหตุผล การขายแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลก่อปัญหาตามมามากมาย ถ้าไม่มีมาตรการทดลองทางสังคมที่ใหญ่พอก็ไม่มีทางทราบได้ว่าสรุปแล้วปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลนั้นมีมูลเหตุที่แท้จริงจากแอลกอฮอล์หรือไม่ ทางเลือกนี้มีรายละเอียดคือ ห้ามการซื้อขายในช่วงเทศกาล ใครอยากดื่มอยากฉลองก็วางแผนซื้อให้เสร็จสิ้นก่อนเข้าช่วงเทศกาล การซื้อก่อนเทศกาลจะทำให้การดื่มมีแบบแผนมากขึ้น อย่างน้อยก็ลดการขับรถออกจากบ้านมาดื่มกินข้างนอกได้ ต่อมาคือ การห้ามการดื่มในที่สาธารณะ หากจะดื่มก็ไปดื่มพื้นที่ส่วนตัว ปัญหาของช่วงเทศกาลคือคนมารวมตัวกันมาก แอลกอฮอล์ได้ลดระดับความยับยั้งชั่งใจของคน ถ้ามีแค่ 1 เปอร์เซ็นที่เข้าร่วมเทศกาลหนึ่ง ๆ ที่เสียการควบคุมสติสัมปชัญญะก็ถือว่ามีคนจำนวนมากพอจะทำให้เกิดความเสียหายใหญ่ ๆ แล้ว เทศกาลหนึ่งที่มีคนเข้าร่วมเฉลี่ย 5,000 นับที่ 1 เปอร์เซ็น ก็ 50 คนแล้ว คนจำนวนเท่านี้ที่ขาดความยับยั้งชั่งใจ มองหน้าเขม่นกันก็ตีกันฆ่ากันให้ตายได้ จะตามไปทำร้ายคนในวัด ในบ้านพัก ในโรงพัก ในโรงพยาบาลก็ทำได้หมด เพราะสามัญสำนึกขาดหายไป เมื่อสร่างเมาก็เศร้าโศกเสียใจกับสิ่งที่ตนทำ เหมือนกรณีที่หนุ่มวัยรุ่นใช้ขวดปากฉลามแทงเข้าคอของพลทหารที่เข้าไประงับเหตุทะเลาะวิทวาทจนเสียชีวิตในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมานี่เอง

นี่คือกระบวนการที่สังคมต้องรีบขีดเส้นให้ชัด ว่าเส้นแบ่งของแอลกอฮอล์ในสังคมควรอยู่ที่ใด และ ที่ใดที่ไม่ควรให้ปัญหาจากแอลกอฮอล์ไปปรากฎอยู่ ถ้าไม่รีบทำก็เตรียมใจได้ล่วงหน้า ว่าอนาคตคงจะมีเรื่องแย่ ๆ ในสถานที่ที่ไม่ควรจะเกิดไปเรื่อย ๆ ครับ

 

ตีแผ่ความจริง การดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ทำให้เกิดผลดีเวลาออกกำลังกาย
https://cas.or.th/content?id=542

แปลและเรียบเรียงโดย ดร.วิทย์ วิชัยดิษฐ

หน่วยระบาดวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ที่มา: แปลมาจากบทความ The Truth About Alcohol and Exercise ของ Yvonne O Brien (https://www.indi.ie/fact-sheets/fact-sheets-on-sports-nutrition/518-the-truth-about-alcohol-and-exercise.html)

ผลของแอลกอฮอล์ต่อการเล่นกีฬา

การดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างออกกำลังกาย อาจทำให้สมรรถภาพในการเล่นกีฬาของคุณเปลี่ยนไป เนื่องจาก…

1. การดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายขาดน้ำ แอลกอฮอล์เป็นสารขับปัสสาวะ ทำให้ไตผลิตปัสสาวะมากขึ้น การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปจึงอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ การออกกำลังกายหลังดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้ร่างกายยิ่งขาดน้ำมากขึ้นไปอีก เพราะออกกำลังกายแล้วเสียเหงื่อ และเมื่อเราขาดน้ำ ก็ทำให้สมรรถภาพร่างกายลดลง หากจะออกกำลังกาย ควรดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อให้เลือดไหลไปทั่วร่างกายให้กล้ามเนื้อได้รับออกซิเจนและสารอาหารได้ดี ทำให้ออกกำลังกายได้เต็มที่

2. แอลกอฮอล์ส่งผลต่อการสร้างพลังงานในร่างกาย แอลกอฮอล์ถูกย่อยสลายในตับ และเมื่อตับเราย่อยสลายแอลกอฮอล์ หน้าที่อื่นๆ ของตับจะกลายเป็นเรื่องรอง ซึ่งรวมถึงการผลิตกลูโคสด้วย และร่างกายเราต้องการกลูโคสเป็นพลังงาน หากตับสร้างกลูโคสไม่พอเนื่องจากต้องขับแอลกอฮอล์ออกไป ร่างกายเราจะอ่อนเพลียและวิ่งตามคนอื่นไม่ทัน

3. แอลกอฮอล์ทำให้ระบบประสาทที่ส่งสัญญาณไปทั่วร่างกายทำงานช้าลง ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งฤทธิ์ในส่วนนี้อาจอยู่ได้สักพักหนึ่ง และทำให้ปฏิกิริยา การเคลื่อนไหว ความแม่นยำและสมดุลของร่างกายต่ำกว่าปกติระหว่างออกกำลังกายและแข่งกีฬา

คืนก่อนออกกำลังกาย และวันหลังออกกำลังกาย

– การดื่มแอลกอฮอล์คืนก่อนออกกำลังกายอาจส่งผลเสียต่อสมรรถภาพของร่างกายในวันต่อมาได้ หากเรามีอาการ “เมาค้าง” หรือแฮงค์ เช่น ขาดน้ำ ปวดหัว เราจะไม่สามารถเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่

– ระหว่างที่ออกกำลังกาย กล้ามเนื้อของเราจะเผาผลาญกลูโคสเพื่อให้ได้พลังงาน ทำให้เกิดกรดแลคติก ซึ่งหากมีกรดแลคติกมากเกินไป จะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและเป็นตะคริว หากเราออกกำลังกายหลังดื่มแอลกอฮอล์ ตับจะต้องทำงานหนักเพื่อกำจัดสารพิษจากแอลกอฮอล์ ทำให้กำจัดกรดแลคติกไม่ได้เต็มที่ ทำให้มีโอกาสเป็นตะคริวได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังทำให้เราไม่มีแรงหรือรู้สึกเหนื่อยได้ง่ายขึ้นด้วย

– ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ในคืนก่อนออกกำลังกาย โดยเฉพาะหากมีกิจกรรมที่หนักปานกลางหรือหนักมาก อย่างไรก็ดี หากจะดื่ม ควรจำกัดจำนวนแก้วและดื่มระหว่างที่กินอาหาร

– หลังออกกำลังกายก็ไม่ควรดื่มเช่นกัน หากยังไม่ได้ดื่มน้ำอย่างเพียงพอเพื่อทดแทนน้ำในร่างกายที่หายไปกับเหงื่อ

ผลต่อสุขภาพอื่นๆ

น้ำหนักเพิ่ม

แอลกอฮอล์มีแคลลอรี่สูง กรัมละเจ็ดแคลอรี่ แทบจะมากเท่ากับก้อนไขมัน หากคุณออกกำลังกายเพื่อจัดการน้ำหนัก การดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้คุณได้รับ “แคลลอรี่ไร้ประโยชน์” กลับมาและทำให้ลดน้ำหนักไม่สำเร็จ นอกจากนี้ เมื่อดื่มไปได้สักพัก คุณอาจรู้สึกอยากกินอาหารแคลอรี่สูง ซึ่งยิ่งทำให้การลดน้ำหนักยิ่งมีโอกาสล้มเหลวมากขึ้นอีก

กล้ามเนื้อเติบโตได้น้อย

แอลกอฮอล์ทำให้การนอนไม่เป็นปกติ ซึ่งร่างกายของเราจะหลั่งฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อออกมาในช่วงที่เราหลับสนิท การดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้การนอนหลับไม่เป็นปกติและทำให้กล้ามเนื้อโตได้ช้าลง

อัตราการเต้นหัวใจเปลี่ยนแปลง

เรื่องที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ การดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นปกติ ซึ่งความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นมากเมื่อออกกำลังกายภายในสองวันหลังจากดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนัก ความเสี่ยงนี้แตกต่างกันไปในแต่ละคน การออกกำลังกายทำให้ตัวใจเต้นเร็วขึ้น หากดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมาก หัวใจยิ่งต้องทำงานหนักยิ่งขึ้นไปอีก

แผลหายช้า

แอลกอฮอล์ทำให้เส้นเลือดที่ผิวหนัง แขน และขา ขยายตัว ทำให้มีเลือดไปหล่อเลี้ยงมากขึ้น เวลาเป็นแผลเลือดจะไหลเยอะและบวมมากกว่าปกติ ทำให้แผลหายช้า

หากเวลาเข้าสังคม ท่านต้องการลด ละ เลิกดื่ม ควรพิจารณาแนวทางต่อไปนี้

– วางแผนล่วงหน้า – คิดดูว่าจะไปไหน ไปเจอใคร และจะดื่มมากแค่ไหน แล้วทำตามแผน

– กินอาหารก่อนหรือระหว่างดื่มแอลกอฮอล์ – การกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตมากหลังออกกำลังกาย ช่วยชดเชยพลังงานที่กล้ามเนื้อสูญเสียไป การกินอิ่มท้องจึงช่วยทำให้เราดื่มแอลกอฮอล์ช้าลง

– ค่อยๆ ดื่ม – ดื่มแอลกอฮอล์สลับกับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ หากเราหิวน้ำ เราจะดื่มแอลกอฮอล์เร็ว ดังนั้นจึงควรมีเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ดับกระหายก่อนที่จะเริ่มดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะหลังออกกำลังกาย

– ดื่มช้าๆ ค่อยๆ จิบ อย่าดื่มเป็นอึก จิบแล้วให้วางแก้ว

– เลือกเครื่องดื่มดีๆ เลือกเบียร์ที่มีแอลกอฮอล์ต่ำหรือใช้แก้วขนาดใหญ่ผสมเหล้าเข้ากับมิกเซอร์เยอะๆ

– เป็นคนอาสาขับรถพาเพื่อนกลับบ้าน (designated driver) หากคุณตัดสินใจไม่ดื่มและกลัวว่าจะโดนคนอื่นคะยั้นคะยอ ให้บอกคนอื่นว่าคุณตั้งใจจะเป็นคนที่ช่วยขับรถพาเพื่อนกลับบ้าน

– ดื่มให้หมดทีละแก้ว – อย่าให้คนอื่นเติมแก้วให้ก่อนที่จะดื่มหมดแก้ว หากทำแบบนั้น เราจะไม่รู้ว่าดื่มไปมากเท่าไหร่แล้ว

– ทำโน่นทำนี่ระหว่างดื่ม – เวลาที่เรายุ่งกับเรื่องอื่น เราจะดื่มน้อยลง ออกไปเต้นหรือเดินไปโน่นไปนี่ อย่ามัวแต่นั่งดื่มอย่างเดียว

– ก่อนนอนอย่าลืมดื่มน้ำเยอะๆ การดื่มน้ำก่อนนอนช่วยป้องกันการแฮงค์ได้ การดื่มน้ำเยอะๆ คั่นสลับกับการดื่มแอลกอฮอล์ ก็ช่วยป้องกันการแฮงค์ได้เช่นกัน

แนวทาง ลด ละ เลิกเหล้ากันเถอะ การดูแลเชิงรุกในชุมชนสำหรับผู้มีปัญหาการดื่มสุรา ฉบับประชาชน
https://cas.or.th/content?id=544
  1. เอกสารแนะนำ แนวทาง ลด ลด เลิกเหล้ากันเถอะ การดูแลเชิงรุกในชุมชนสำหรับผู้มีปัญหาการดื่มสุรา ฉบับประชาชน

  2. คู่มือผู้ช่วยเหลือ ตามแนวทาง “ลด ละ เลิกเหล้ากันเถอะ” การดูแลเชิงรุกในชุมชนสำหรับผู้มีปัญหาการดื่มสุรา ฉบับประชาชน

  3. แบบบันทึก “ลด ละ เลิกเหล้ากันเถอะ”

  4. โปสเตอร์ เตรียมตัวดี ไม่มีดื่ม

  5. ประชาสัมพันธ์ เชิญชวนเข้าร่วมแนวทาง “ลด ละ เลิกเหล้ากันเถอะ”

สุราไม่ใช่สินค้าธรรมดา
https://cas.or.th/content?id=32
Tags : สุรา

ปัญหาแอลกอฮอล์มิใช่เป็นเพียงปัญหาระดับประเทศเท่านั้น หากแต่เป็นปัญหาระดับโลกที่แต่ละประเทศต่างมุ่งแก้ไขปัญหานี้ให้หมดสิ้นไป แนวคิดยุทธศาสตร์ มาตรการและนโยบายการแก้ไขปัญหาแอลกอฮอล์ของโลกในช่วงที่ผ่านมาที่มีประสิทธิผล และเป็นแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมที่สุด คือ แนวทางการจำากัดการเข้าถึง ความสามารถในการซื้อและกิจกรรมการตลาดของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการผสมผสานยุทธศาสตร์และมาตรการเพื่อจัดการกับมิติต่าง ๆ ของแอลกอฮอล์ได้อย่างครบวงจร นโยบายเข้มแข็งเหล่านี้เป็นความหวังของหลายประเทศที่จะขจัดปัญหาแอลกอฮอล์ให้หมดสิ้นอย่างได้ผล แต่ในช่วงห้าสิบปีมานี้ หลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์นับร้อยฉบับกลับทำาให้เห็นภาพที่ไม่สอดคล้องกันในเรื่องนัยยะต่อนโยบายแอลกอฮอล์ เนื่องจากเกือบทุกประเทศยังคงกำาหนดให้ปัญหาแอลกอฮอล์ถูกจัดให้เป็นภารกิจของหน่วยงานด้านสาธารณสุข และไม่ใช่งานของภาค
ส่วนอื่น ๆ ในสังคม รวมถึงการที่ธุรกิจแอลกอฮอล์เข้ามามีบทบาทในการกำาหนดนโยบายแอลกอฮอล์ทั่วโลก กลับทำาให้ปัญหาแอลกอฮอล์ขยายตัว มีความซับซ้อน จนดูเหมือนว่าหากดำาเนินนโยบายนี้ต่อไป ก็ยากที่จะประสบผลสำเร็จ

ข้อเท็จจริงและตัวเลข เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย พ.ศ. 2562-2564
https://cas.or.th/content?id=31

ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) เป็นหน่วยงานทางวิชาการที่สร้างและจัดการองค์ความรู้ พัฒนากลไกการประสานและศักยภาพทางวิชาการ เพื่อสนับสนุนกระบวนการจัดการกับปัญหา จากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีการสนับสนุนทุนวิจัย จัดเวทีสัมมนา และมีผลงานทางวิชาการต่าง ๆ มากมาย รวมถึงเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการผ่านทางหนังสือ บทความ รายงานวิจัย อินโฟกราฟิก และสื่อมัลติมีเดีย เป็นต้น

เนื่องด้วยการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ประกอบกับโครงสร้างของประชากรไทยที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ทำาให้แนวโน้มการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประชาชนไทยมีความแตกต่างจากในอดีตที่ผ่านมา ชุดหนังสือนี้จึงจัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ข้อมูลต่าง ๆ ในประเด็นที่สำาคัญเกี่ยวกับแบบแผนและแนวโน้มพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประชากรไทยในบทที่ 1 กระแสโฆษณาและการตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบทที่ 2 นอกจากนี้ยังมีบทที่ 3 ผลกระทบต่อสุขภาพและสังคมของการดื่มสุรา และบทที่ 4 นโยบายและมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นเนื้อหาของหนังสือข้อเท็จจริงและตัวเลข ปี พ.ศ. 2562-2564 โดยเน้นการนำาเสนอในรูปแบบแผนภาพประกอบ เพื่อให้สามารถทำาความเข้าใจได้โดยง่าย

ทั้งนี้ ทางคณะผู้จัดทำาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในภาคส่วนต่าง ๆ โดยสามารถนำาข้อมูลดังกล่าวไปใช้อ้างอิง วางแผนการควบคุม ส่งเสริมและป้องกันปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทยต่อไปได้ในอนาคต

รายงานสถานการณ์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายจังหวัด พ.ศ. 2564
https://cas.or.th/content?id=33

การสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่และดื่มสุราของประชากรเป็นโครงการสำรวจประเด็นการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่สำคัญและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ข้อมูลที่ได้รับครอบคลุมตั้งแต่ความชุกของการบริโภค ผลกระทบต่าง ๆ และประเด็นทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

โดยปกติแล้ว สำนักงานสถิติแห่งชาติจะจัดทำรายงานในระดับประเทศ ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในการมองภาพรวมของสถานการณ์ในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม คณะผู้จัดทำเล็งเห็นถึงศักยภาพของข้อมูลที่สามารถนำมาใช้รายงานในระดับจังหวัด เพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนในระดับที่ลึกลงไป

ข้อมูลจากรายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลที่ช่วยให้ภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะในระดับจังหวัด รวมถึงประชาชน สามารถนำไปใช้อ้างอิงและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงประเมินผลกระทบต่าง ๆ และวางแผนดำเนินงานสำหรับการรณรงค์ในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การสังเคราะห์ผลการศึกษาประเด็นดื่มแล้วขับในประเทศไทย พ.ศ. 2564
https://cas.or.th/content?id=34

แม้ว่าการบาดเจ็บและการสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยจะมีแนวโน้มดีขึ้นเล็กน้อย แต่ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในเอเชีย อุบัติเหตุเหล่านี้สร้างความสูญเสียทั้งทางร่างกายและจิตใจให้กับผู้ประสบเหตุและครอบครัว รวมถึงส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวม

ความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากอุบัติเหตุจราจรในประเทศไทยมีมูลค่าเฉลี่ยต่อปีประมาณ 545,435 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 6 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) โดยสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่เอง เช่น การขับรถเร็วและการเมาแล้วขับ

ในปี พ.ศ. 2564 ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้สนับสนุนการวิจัยเพื่อศึกษาประเด็น ดื่มแล้วขับในบริบทของประเทศไทย ซึ่งนำไปสู่ข้อค้นพบสำคัญที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนานโยบายเพื่อลดปัญหานี้ในปัจจุบัน

เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อรวบรวมข้อค้นพบและสรุปสาระสำคัญของการศึกษาดังกล่าว ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านในการทำความเข้าใจปัจจัยที่ทำให้ พฤติกรรมดื่มแล้วขับ ยังคงเป็นปัญหาในสังคมไทย รวมถึงช่วยสะท้อนให้ผู้กำหนดนโยบายได้รับทราบและพัฒนาแนวทางในการลดปัญหานี้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเป็นแนวทางในการพัฒนางานวิจัยต่อยอดเพื่อแก้ไขปัญหาการดื่มแล้วขับอย่างต่อเนื่อง

ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.)

Centre for Alcohol Studies (CAS)

สาขาวิชาระบาดวิทยา ชั้น 6 อาคารบริหารคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เลขที่ 15 ถนนกาญจนวนิช ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 90110

083-5775533

https://www.facebook.com/cas.org.th

เข้าชมแล้ว 0 ครั้ง
Copyright © 2025 CAS All rights reserved.