คำค้นหา : การวิจัย

คำนี้ค้นหามาแล้ว : 66 ครั้ง
แอลกอฮอล์เสี่ยงมะเร็ง: หมอสหรัฐเผยข้อมูลประชาชนและหนุนฉลากคำเตือน หมอไทยชี้ต้องปรับด่วน
https://cas.or.th/content?id=22

แอลกอฮอล์เสี่ยงมะเร็ง: หมอสหรัฐเผยข้อมูลประชาชนและหนุนฉลากคำเตือน หมอไทยชี้ต้องปรับด่วน

ข่าวใหญ่ในวงการแพทย์สหรัฐล่าสุดเลย คือการออกมาเรียกร้องของ Dr. Vivek Murthy ประธานองค์กรสาธารณสุขระดับสูงสุดของอเมริกา (US Surgeon General) ให้มีการติดฉลากคำเตือนบนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ Dr.Vivek กล่าวถึงความสำคัญของปัญหานี้ว่า “แอลกอฮอล์คือปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อมะเร็ง แต่สังคมไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้สักเท่าไหร่ บางทีเราต้องปรับปรุงฉลากบนผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น” ซึ่งคำสัมภาษณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลวิจัยปัจจุบัน ที่พบว่า แอลกอฮอล์เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็ง 7 ชนิด ได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งช่องปาก มะเร็งคอหอย และมะเร็งกล่องเสียง

ที่คิดว่าเรื่องนี้น่าสนใจ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ในประเทศสหรัฐอเมริกา อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใหญ่มาก market cap ของตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีมูลค่าประมาณปีละ 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 10 ล้านล้านบาท (มากกว่างบแผ่นดินของไทย 2.5 เท่า) เป็นรองแค่ตลาดในประเทศจีนที่มีมูลค่าประมาณ 320,000 ล้านเหรียญเท่านั้น แต่อย่าลืมว่า ประชากรของสหรัฐน้อยกว่าจีนหลายเท่า (340 ล้านคน vs 1,400 ล้านคน) การที่ผู้บริหารสูงสุดขององค์กรสาธารณสุขที่มีอิทธิพลมากที่สุดองค์กรหนึ่ง พูดถึงเรื่องคำแนะนำที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการกำหนดกฎหมายใหม่ในเรื่องฉลากบนเครื่องดื่ม และจะส่งผลต่อยอดขายของอุตสาหกรรมที่ใหญ่มากอย่างแอลกอฮอล์ หากไม่ยืนอยู่บนหลักฐานที่แม่นยำ มีน้ำหนัก และยืนอยู่บนหลักประโยชน์ทางสุขภาพต่อประชาชนและประโยชน์ต่อระบบสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา รับรองว่า คำแนะนำที่เป็น hard line suggestion เช่นนี้จะถูกอัดกลับมาอย่างหนักแน่นอน หากความเห็นนี้สามารถแปลงไปเป็นกฎหมายระดับประเทศได้ (ซึ่งมีโอกาสสูง) จะทำให้ประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกมีบรรทัดฐานในการออกแบบกฎหมายเพื่อดูแลสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชนจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

▶️ ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในประเทศไทย
รศ.นพ.รังสรรค์ ภูรยานนทชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการดูแลประชากรใน 14 จังหวัดภาคใต้ กล่าวว่า “โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ มีภารกิจสำคัญทั้งในด้านการรักษาและป้องกันโรคในประชากรภาคใต้ การที่แอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อมะเร็ง ไม่เพียงเพิ่มภาระให้กับระบบสาธารณสุข แต่ยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรวมอีกด้วย ดังนั้น ในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ผมขอสนับสนุนข้อเสนอของ Dr. Vivek Murthy ประธานองค์กรสาธารณสุขระดับสูงสุดของสหรัฐอเมริกา (US Surgeon General) ในการให้มีการติดฉลากคำเตือนบนผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์อย่างชัดเจนและทันสมัยมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการบริโภคแอลกอฮอล์อย่างแท้จริง มาตรการนี้จะช่วยส่งเสริมสุขภาพประชาชน ลดอัตราการเกิดโรคมะเร็ง และส่งเสริมความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโทษของแอลกอฮอล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์มีความมุ่งมั่นที่จะเผยแพร่ความรู้ทางการแพทย์และส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพที่ดีในสังคม เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายแรงและสร้างชุมชนสุขภาพดีอย่างยั่งยืน”

นอกจากนั้นแล้ว ในฐานะอายุรแพทย์เวชบำบัดวิกฤต ที่ทำงานกับผู้ป่วยในสภาวะวิกฤตในห้อง ICU นพ.รังสรรค์ ยังให้ข้อคิดเห็นว่า “ผลกระทบของการดื่มสุราไม่เพียงแต่ทำให้เมา ขาดสติ ก่อการทะเลาะวิวาท หรืออุบัติเหตุในระยะสั้น แต่ยังส่งผลต่อระบบอวัยวะสำคัญ เช่น ตับและหัวใจในระยะยาว ซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจทำให้ผู้ป่วยเข้าสู่ภาวะวิกฤตได้ง่ายขึ้น”

ศ.นพ.วรวิทย์ จิตติถาวร หัวหน้าสาขาวิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้แสดงความคิดเห็นว่า “ในฐานะศัลยแพทย์ เราพบผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากการดื่มสุราในหลายมิติ โดยเฉพาะมะเร็งที่เกี่ยวข้อง เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ ซึ่งมักมาพบแพทย์ในระยะลุกลามจนยากต่อการรักษา ประชากรในภาคใต้รวมทั้งในภาคอื่นๆ ของประเทศไทยยังขาดความเข้าใจในความเสี่ยงนี้ “

รศ.ดร.นพ.พลเทพ วิจิตรคุณากร รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของการวิจัยและการปรับปรุงนโยบาย “ปัจจุบันฉลากคำเตือนบนผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ในประเทศไทยมีข้อจำกัดในด้านความชัดเจน ข้อความเตือนส่วนใหญ่ยังเน้นที่ผลกระทบต่อการขับขี่หรือการตั้งครรภ์ แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านมะเร็ง การปรับปรุงฉลากให้ระบุข้อมูลเชิงลึก เช่น ‘การบริโภคแอลกอฮอล์เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมและลำคอ’ รวมถึงการใช้กราฟิกที่ชัดเจน จะช่วยเพิ่มการรับรู้ในหมู่ประชาชนได้อย่างมาก”

นพ.พลเทพ ยังให้ข้อแนะนำเพิ่มเติมว่า “การกำหนดให้ฉลากมีขนาดใหญ่ขึ้น และวางในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจนบนบรรจุภัณฑ์ เช่นเดียวกับที่ประเทศไอร์แลนด์เริ่มดำเนินการ จะเป็นแนวทางที่ประเทศไทยควรพิจารณาเพื่อลดผลกระทบของแอลกอฮอล์ต่อสุขภาพ”

▶️ ไอร์แลนด์: ก้าวนำด้านฉลากคำเตือนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ไอร์แลนด์ถือเป็นประเทศแรกในยุโรปที่บังคับใช้ฉลากคำเตือนสุขภาพเกี่ยวกับมะเร็งบนผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ ซึ่งระบุข้อความเตือนอย่างเด่นชัดว่า การดื่มแอลกอฮอล์เสี่ยงต่อโรคมะเร็ง กฎหมายดังกล่าวยังรวมถึงข้อกำหนดเพิ่มเติม เช่น การระบุปริมาณแอลกอฮอล์เป็นหน่วยมาตรฐาน เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถประเมินความเสี่ยงจากการบริโภคได้ง่ายขึ้น การบังคับให้ฉลากมีตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจน เช่น ขนาดข้อความใหญ่ขึ้นและมีการใช้ภาพประกอบ และการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด

▶️ แนวทางที่ประเทศไทยสามารถนำไปปรับใช้
การออกมาเตือนจากประธานองค์กรสาธารณสุขระดับสูงของสหรัฐอเมริกา (US Surgeon General) และมาตรการที่ไอร์แลนด์ได้ดำเนินการ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การปรับปรุงฉลากคำเตือนบนผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์สามารถสร้างความตระหนักรู้และลดผลกระทบด้านสุขภาพได้อย่างมีนัยสำคัญ ประเทศไทยควรนำบทเรียนเหล่านี้มาปรับใช้ โดยการปรับปรุงฉลากคำเตือนให้ครอบคลุมความเสี่ยงด้านมะเร็งและผลกระทบต่อสุขภาพอื่น ๆ พร้อมใช้ข้อความและกราฟิกที่ชัดเจนในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจนบนบรรจุภัณฑ์

ในขณะเดียวกัน ควรสนับสนุนการวิจัยเชิงนโยบายเกี่ยวกับผลกระทบของแอลกอฮอล์ เพื่อให้ข้อมูลที่ชัดเจนในการสนับสนุนการออกกฎหมายใหม่ และจัดกิจกรรมให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่แท้จริงของการบริโภคแอลกอฮอล์

นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่ทุกภาคส่วนในสังคมจะต้องร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นภาควิชาการ ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อขับเคลื่อนนโยบายที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างสังคมที่มีสุขภาพดีขึ้น และลดผลกระทบในระยะยาวจากแอลกอฮอล์อย่างยั่งยืน

เอกสารอ้างอิง:
1) U.S. Department of Health and Human Services. Alcohol and cancer risk [Internet]. Washington, D.C.; [cited 2025 Jan 8]. Available from: https://www.hhs.gov/surgeongeneral/priorities/alcohol-cancer/index.html
2) CNN. Vivek Murthy discusses alcohol consumption and cancer risk [Internet]. Atlanta: CNN; 2025 Jan 3 [cited 2025 Jan 8]. Available from: https://edition.cnn.com/2025/01/03/health/video/vivek-murthy-alcohol-consumption-cancer-sitroom-digvid

งานวิจัยชี้! ร้านขายเหล้าเยอะ วัยรุ่นดื่มมากขึ้น เด็กหญิงไทยเสี่ยงดื่มหนักเพิ่ม 23%
https://cas.or.th/content?id=28

งานวิจัยล่าสุดจากศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานวิจัยระบบสุขภาพ (สวรส.) ภายใต้การนำของหัวหน้าโครงการวิจัย รศ.ดร.นพ.พลเทพ วิจิตรคุณากร รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เผยข้อมูลชัดเจนว่า ความหนาแน่นของร้านขายสุราส่งผลให้พฤติกรรมการดื่มของวัยรุ่นไทยพุ่งสูงขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นหญิงที่มีแนวโน้มดื่มหนักเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 23

งานวิจัยนี้ตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 โดยใช้ข้อมูลจากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติและข้อมูลใบอนุญาตจากกรมสรรพสามิตระหว่างปี พ.ศ. 2550 ถึง 2566 ครอบคลุมกลุ่มวัยรุ่นไทยอายุ 15 ถึง 19 ปี จำนวนกว่า 10,000 คน

 

 

รศ.ดร.นพ.พลเทพ วิจิตรคุณากร หัวหน้าทีมวิจัยให้ความคิดเห็นว่า “ความหนาแน่นของร้านขายเหล้าใกล้บ้านเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้วัยรุ่นเข้าถึงแอลกอฮอล์ได้ง่าย ผลลัพธ์ คือ พฤติกรรมการดื่มฯ เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเด็กผู้หญิงที่มีการดื่มหนัก (binge drinking) เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 23 ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ สำหรับวัยรุ่นชายก็เพิ่มโอกาสในการดื่มฯ สุราในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาเช่นกัน ประมาณร้อยละ 9”

การเข้าถึงแอลกอฮอล์ตั้งแต่วัยเยาว์อาจนำไปสู่ผลกระทบทางสุขภาพในระยะยาว ดังนั้น “ถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐต้องพิจารณาควบคุมจำนวนร้านขายสุราอย่างเข้มงวด เพื่อลดการเข้าถึงแอลกอฮอล์ในกลุ่มเยาวชนและปกป้องอนาคตของพวกเขา” รศ.ดร.นพ.พลเทพ กล่าวเสริม

จากการศึกษาพบว่า จำนวนใบอนุญาตขายสุราต่อประชากร 1,000 คน ระหว่างปี พ.ศ. 2550 ถึง 2566 มีค่าเฉลี่ยประมาณ 9 ใบอนุญาตฯ ต่อประชากร 1,000 คน ซึ่งความหนาแน่นระดับนี้ถือว่าสูงเกินธรรมดาเป็นอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ

รศ.ดร.นพ.พลเทพ กล่าวปิดท้ายว่า “ประเทศไทยควรมีการดำเนินการอย่างจริงจังในการลดจำนวนใบอนุญาตจำหน่าย ประเทศไทยควรมีการปรับและพัฒนาแนวทางและกระบวนการออกใบอนุญาตรายใหม่และต่อใบอนุญาตรายเก่าให้เข้มงวดมากขึ้น ควรมีการใช้ข้อมูลต่าง ๆ ในระดับพื้นที่ มาพิจารณาการต่อใบอนุญาต เช่น การละเมิดกฎระเบียบ การมีผลกระทบต่อชุมชน ความคิดเห็นของประชาชนหรือหน่วยงานต่าง ๆ ในชุมชน”


เสียงจากเยาวชน: การเข้าถึงแอลกอฮอล์ง่ายเกินไป เสี่ยงทำร้ายอนาคตเยาวชนไทย

นักศึกษาแพทย์ เขมจิรา เจ๊ะบา นักศึกษาแพทย์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และนักกิจกรรมเยาวชน ให้ความเห็นว่า “ถึงแม้ว่าตามกฎหมายรัฐธรรมนูญของประเทศได้ขีดเส้นไว้ชัดเจนว่า ผู้ที่สามารถซื้อและบริโภคแอลกอฮอล์ได้ต้องมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ แต่ความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น ในกลุ่มเยาวชนรู้ดีว่า แม้แต่เยาวชนอายุ 15 ปี ก็สามารถเข้าถึงแอลกอฮอล์ได้ เส้นที่รัฐธรรมนูญขีดไว้เป็นเพียงอุดมคติ ในฐานะเยาวชนไทยผู้ซึ่งถูกเรียกว่าอนาคตของชาติ ดิฉันมีความกังวลใจเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับการเพิ่มตัวของร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ขัดกับความหนักแน่นของรัฐธรรมนูญ”นอกจากนั้นแล้ว นักศึกษาแพทย์ เขมจิรา ยังให้ข้อคิดเห็นที่น่าสนใจว่า “เป็นที่ทราบกันดีว่า แอลกอฮอล์นั้นสามารถเป็นต้นเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ และการทำร้ายร่างกาย ดิฉันเชื่อว่า เยาวชนทุกคนมีสิทธิในการอาศัยอยู่ในประเทศนี้อย่างปลอดภัย ปลอดภัยในที่นี้รวมทั้งสุขภาพกาย จิตและการอยู่อาศัย แต่ปัจจุบันสังคมและสื่อกำลังสนับสนุนภาพลักษณ์ของการดื่มแอลกอฮอล์ในทางบวก สร้างความสวยงามและความหรูหราในยาพิษ นั้นเปรียบเสมือนว่าสังคมกำลังค่อยๆ ละเมิดสิทธิของพวกเราที่ต้องการเติบโตขึ้นอย่างปลอดภัย” นักศึกษาแพทย์ เขมจิรา เจ๊ะบา ทิ้งท้ายไว้ว่า “ดิฉันขอเป็นตัวแทนของเยาวชนเพื่อส่งสาสน์ถึงผู้ใหญ่หรือรัฐบาลในการเรียกร้องสิทธิที่พวกเราควรได้รับความปลอดภัยที่เป็นพื้นฐาน สังคมที่ดีและสุขภาพที่มั่นคง”

 

งานวิจัยที่อ้างอิง:
Vichitkunakorn P, Assanangkornchai S, Thaikla K, Buya S, Rungruang S, Talib M, Duangpaen W, Bunyanukul W, Sittisombut M. Alcohol outlet density and adolescent drinking behaviors in Thailand, 2007-2017: A spatiotemporal mixed model analysis. PLoS One. 2024 Oct 31;19(10):e0308184. doi: 10.1371/journal.pone.0308184.

แบบฟอร์มต่างๆ ของโครงการย่อย ภายใต้ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา
https://cas.or.th/content?id=10
Tags : -
  1. แบบฟอร์มใบรับรองการเข้าร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ .DOCX
  2. แบบฟอร์มรายงานความก้าวหน้าโครงการ .DOCX
  3. แบบฟอร์มหนังสือขออนุมัติขยายระยะเวลาโครงการ .DOCX 
  4. แบบบันทึกผลงาน และผลลัพธ์ของการดำเนินงานโครงการ .DOC
  5. แบบฟอร์มรายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ .DOCX
  6. แบบฟอร์มสมัครทุนอุดหนุนวิทยานิพนธ์ .DOCX
  7. แบบฟอร์มนำเสนอข้อเสนอโครงการ .DOCX
  8. แบบฟอร์มรายงานความก้าวหน้าโครงการวิจัย งวดที่… .DOCX
  9. แบบฟอร์มสำรวจการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ .DOCX
แอลกอฮอล์เสี่ยงมะเร็ง: หมอสหรัฐเผยข้อมูลประชาชนและหนุนฉลากคำเตือน หมอไทยชี้ต้องปรับด่วน
https://cas.or.th/content?id=509

แอลกอฮอล์เสี่ยงมะเร็ง: หมอสหรัฐเผยข้อมูลประชาชนและหนุนฉลากคำเตือน หมอไทยชี้ต้องปรับด่วน

ข่าวใหญ่ในวงการแพทย์สหรัฐล่าสุดเลย คือการออกมาเรียกร้องของ Dr. Vivek Murthy ประธานองค์กรสาธารณสุขระดับสูงสุดของอเมริกา (US Surgeon General) ให้มีการติดฉลากคำเตือนบนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ Dr.Vivek กล่าวถึงความสำคัญของปัญหานี้ว่า “แอลกอฮอล์คือปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อมะเร็ง แต่สังคมไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้สักเท่าไหร่ บางทีเราต้องปรับปรุงฉลากบนผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น” ซึ่งคำสัมภาษณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลวิจัยปัจจุบัน ที่พบว่า แอลกอฮอล์เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็ง 7 ชนิด ได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งช่องปาก มะเร็งคอหอย และมะเร็งกล่องเสียง

ที่คิดว่าเรื่องนี้น่าสนใจ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ในประเทศสหรัฐอเมริกา อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใหญ่มาก market cap ของตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีมูลค่าประมาณปีละ 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 10 ล้านล้านบาท (มากกว่างบแผ่นดินของไทย 2.5 เท่า) เป็นรองแค่ตลาดในประเทศจีนที่มีมูลค่าประมาณ 320,000 ล้านเหรียญเท่านั้น แต่อย่าลืมว่า ประชากรของสหรัฐน้อยกว่าจีนหลายเท่า (340 ล้านคน vs 1,400 ล้านคน) การที่ผู้บริหารสูงสุดขององค์กรสาธารณสุขที่มีอิทธิพลมากที่สุดองค์กรหนึ่ง พูดถึงเรื่องคำแนะนำที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการกำหนดกฎหมายใหม่ในเรื่องฉลากบนเครื่องดื่ม และจะส่งผลต่อยอดขายของอุตสาหกรรมที่ใหญ่มากอย่างแอลกอฮอล์ หากไม่ยืนอยู่บนหลักฐานที่แม่นยำ มีน้ำหนัก และยืนอยู่บนหลักประโยชน์ทางสุขภาพต่อประชาชนและประโยชน์ต่อระบบสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา รับรองว่า คำแนะนำที่เป็น hard line suggestion เช่นนี้จะถูกอัดกลับมาอย่างหนักแน่นอน หากความเห็นนี้สามารถแปลงไปเป็นกฎหมายระดับประเทศได้ (ซึ่งมีโอกาสสูง) จะทำให้ประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกมีบรรทัดฐานในการออกแบบกฎหมายเพื่อดูแลสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชนจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

▶️ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในประเทศไทย
รศ.นพ.รังสรรค์ ภูรยานนทชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการดูแลประชากรใน 14 จังหวัดภาคใต้ กล่าวว่า “โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ มีภารกิจสำคัญทั้งในด้านการรักษาและป้องกันโรคในประชากรภาคใต้ การที่แอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อมะเร็ง ไม่เพียงเพิ่มภาระให้กับระบบสาธารณสุข แต่ยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรวมอีกด้วย ดังนั้น ในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ผมขอสนับสนุนข้อเสนอของ Dr. Vivek Murthy ประธานองค์กรสาธารณสุขระดับสูงสุดของสหรัฐอเมริกา (US Surgeon General) ในการให้มีการติดฉลากคำเตือนบนผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์อย่างชัดเจนและทันสมัยมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการบริโภคแอลกอฮอล์อย่างแท้จริง มาตรการนี้จะช่วยส่งเสริมสุขภาพประชาชน ลดอัตราการเกิดโรคมะเร็ง และส่งเสริมความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโทษของแอลกอฮอล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์มีความมุ่งมั่นที่จะเผยแพร่ความรู้ทางการแพทย์และส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพที่ดีในสังคม เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายแรงและสร้างชุมชนสุขภาพดีอย่างยั่งยืน”

นอกจากนั้นแล้ว ในฐานะอายุรแพทย์เวชบำบัดวิกฤต ที่ทำงานกับผู้ป่วยในสภาวะวิกฤตในห้อง ICU นพ.รังสรรค์ ยังให้ข้อคิดเห็นว่า “ผลกระทบของการดื่มสุราไม่เพียงแต่ทำให้เมา ขาดสติ ก่อการทะเลาะวิวาท หรืออุบัติเหตุในระยะสั้น แต่ยังส่งผลต่อระบบอวัยวะสำคัญ เช่น ตับและหัวใจในระยะยาว ซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจทำให้ผู้ป่วยเข้าสู่ภาวะวิกฤตได้ง่ายขึ้น”

ศ.นพ.วรวิทย์ จิตติถาวร หัวหน้าสาขาวิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้แสดงความคิดเห็นว่า “ในฐานะศัลยแพทย์ เราพบผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากการดื่มสุราในหลายมิติ โดยเฉพาะมะเร็งที่เกี่ยวข้อง เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ ซึ่งมักมาพบแพทย์ในระยะลุกลามจนยากต่อการรักษา ประชากรในภาคใต้รวมทั้งในภาคอื่นๆ ของประเทศไทยยังขาดความเข้าใจในความเสี่ยงนี้ “

รศ.ดร.นพ.พลเทพ วิจิตรคุณากร รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของการวิจัยและการปรับปรุงนโยบาย “ปัจจุบันฉลากคำเตือนบนผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ในประเทศไทยมีข้อจำกัดในด้านความชัดเจน ข้อความเตือนส่วนใหญ่ยังเน้นที่ผลกระทบต่อการขับขี่หรือการตั้งครรภ์ แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านมะเร็ง การปรับปรุงฉลากให้ระบุข้อมูลเชิงลึก เช่น ‘การบริโภคแอลกอฮอล์เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมและลำคอ’ รวมถึงการใช้กราฟิกที่ชัดเจน จะช่วยเพิ่มการรับรู้ในหมู่ประชาชนได้อย่างมาก”

นพ.พลเทพ ยังให้ข้อแนะนำเพิ่มเติมว่า “การกำหนดให้ฉลากมีขนาดใหญ่ขึ้น และวางในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจนบนบรรจุภัณฑ์ เช่นเดียวกับที่ประเทศไอร์แลนด์เริ่มดำเนินการ จะเป็นแนวทางที่ประเทศไทยควรพิจารณาเพื่อลดผลกระทบของแอลกอฮอล์ต่อสุขภาพ”

▶️ไอร์แลนด์: ก้าวนำด้านฉลากคำเตือนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ไอร์แลนด์ถือเป็นประเทศแรกในยุโรปที่บังคับใช้ฉลากคำเตือนสุขภาพเกี่ยวกับมะเร็งบนผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ ซึ่งระบุข้อความเตือนอย่างเด่นชัดว่า การดื่มแอลกอฮอล์เสี่ยงต่อโรคมะเร็ง กฎหมายดังกล่าวยังรวมถึงข้อกำหนดเพิ่มเติม เช่น การระบุปริมาณแอลกอฮอล์เป็นหน่วยมาตรฐาน เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถประเมินความเสี่ยงจากการบริโภคได้ง่ายขึ้น การบังคับให้ฉลากมีตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจน เช่น ขนาดข้อความใหญ่ขึ้นและมีการใช้ภาพประกอบ และการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด

▶️แนวทางที่ประเทศไทยสามารถนำไปปรับใช้
การออกมาเตือนจากประธานองค์กรสาธารณสุขระดับสูงของสหรัฐอเมริกา (US Surgeon General) และมาตรการที่ไอร์แลนด์ได้ดำเนินการ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การปรับปรุงฉลากคำเตือนบนผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์สามารถสร้างความตระหนักรู้และลดผลกระทบด้านสุขภาพได้อย่างมีนัยสำคัญ ประเทศไทยควรนำบทเรียนเหล่านี้มาปรับใช้ โดยการปรับปรุงฉลากคำเตือนให้ครอบคลุมความเสี่ยงด้านมะเร็งและผลกระทบต่อสุขภาพอื่น ๆ พร้อมใช้ข้อความและกราฟิกที่ชัดเจนในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจนบนบรรจุภัณฑ์

ในขณะเดียวกัน ควรสนับสนุนการวิจัยเชิงนโยบายเกี่ยวกับผลกระทบของแอลกอฮอล์ เพื่อให้ข้อมูลที่ชัดเจนในการสนับสนุนการออกกฎหมายใหม่ และจัดกิจกรรมให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่แท้จริงของการบริโภคแอลกอฮอล์

นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่ทุกภาคส่วนในสังคมจะต้องร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นภาควิชาการ ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อขับเคลื่อนนโยบายที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างสังคมที่มีสุขภาพดีขึ้น และลดผลกระทบในระยะยาวจากแอลกอฮอล์อย่างยั่งยืน

เอกสารอ้างอิง:
1) U.S. Department of Health and Human Services. Alcohol and cancer risk [Internet]. Washington, D.C.; [cited 2025 Jan 8]. Available from: https://www.hhs.gov/surgeongeneral/priorities/alcohol-cancer/index.html
2) CNN. Vivek Murthy discusses alcohol consumption and cancer risk [Internet]. Atlanta: CNN; 2025 Jan 3 [cited 2025 Jan 8]. Available from: https://edition.cnn.com/2025/01/03/health/video/vivek-murthy-alcohol-consumption-cancer-sitroom-digvid

เอกสารประกอบการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานวิจัยเชิงสำรวจและเชิงคุณภาพในกลุ่มประชากรที่เข้าถึงยาก
https://cas.or.th/content?id=489
Tags : -

เอกสารประกอบการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานวิจัยเชิงสำรวจและเชิงคุณภาพในกลุ่มประชากรที่เข้าถึงยาก

วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2563 ผ่านระบบ Zoom Cloud Meeting

เทคนิคการสำรวจในกลุ่มประชากรที่เข้าถึงยาก

โดย อ.กนิษฐา ไทยกล้า สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  PDF

หนังสือที่เกี่ยวข้อง (ดาวน์โหลดผ่านการ Scan QR code) PDF

ข้อคำนึงทางจริยธรรมในการวิจัยในประชากรกลุ่มซ่อนเร้น

โดย รศ.พญ.รัศมน กัลยาศิริ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ผู้จัดการศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด PDF

การสังเคราะห์ผลการศึกษาประเด็นดื่มแล้วขับในประเทศไทย พ.ศ. 2564
https://cas.or.th/content?id=34

แม้ว่าการบาดเจ็บและการสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยจะมีแนวโน้มดีขึ้นเล็กน้อย แต่ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในเอเชีย อุบัติเหตุเหล่านี้สร้างความสูญเสียทั้งทางร่างกายและจิตใจให้กับผู้ประสบเหตุและครอบครัว รวมถึงส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวม

ความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากอุบัติเหตุจราจรในประเทศไทยมีมูลค่าเฉลี่ยต่อปีประมาณ 545,435 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 6 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) โดยสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่เอง เช่น การขับรถเร็วและการเมาแล้วขับ

ในปี พ.ศ. 2564 ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้สนับสนุนการวิจัยเพื่อศึกษาประเด็น ดื่มแล้วขับในบริบทของประเทศไทย ซึ่งนำไปสู่ข้อค้นพบสำคัญที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนานโยบายเพื่อลดปัญหานี้ในปัจจุบัน

เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อรวบรวมข้อค้นพบและสรุปสาระสำคัญของการศึกษาดังกล่าว ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านในการทำความเข้าใจปัจจัยที่ทำให้ พฤติกรรมดื่มแล้วขับ ยังคงเป็นปัญหาในสังคมไทย รวมถึงช่วยสะท้อนให้ผู้กำหนดนโยบายได้รับทราบและพัฒนาแนวทางในการลดปัญหานี้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเป็นแนวทางในการพัฒนางานวิจัยต่อยอดเพื่อแก้ไขปัญหาการดื่มแล้วขับอย่างต่อเนื่อง

สรุปข้อมูลวิชาการที่สำคัญ มาตรการควบคุมกิจกรรมการตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนในยุคดิจิทัลและโลกเสรีทางการค้า
https://cas.or.th/content?id=35

ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) เป็นสถาบันวิชาการชั้นนำที่มุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้และชี้นำ นโยบายสาธารณะ ด้านการจัดการปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย โดยกำหนดยุทธศาสตร์การดำเนินงานให้สอดคล้องกับ แผนปฏิบัติการระดับโลก พ.ศ. 2565 - 2573 เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์โลกในการ ลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบอันตราย

หนึ่งในแผนกิจกรรมสำคัญของ ศวส. คือ การสนับสนุนทุนวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ ซึ่งครอบคลุมโครงการวิจัยหลายประเภท ได้แก่

  • โครงการวิจัยแบบมุ่งเป้า ในประเด็นเกี่ยวกับมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตาม กรอบ SAFER และ แผนปฏิบัติการระดับชาติฯ ระยะที่ 2
  • โครงการวิจัยมุ่งเป้าเพื่อสนับสนุนการพัฒนากฎหมายลูกหรือมาตรการใหม่
  • โครงการเฝ้าระวังสถานการณ์
  • งานสังเคราะห์และประเมินผลนโยบาย
  • งานวิจัยทั่วไปและงานวิจัยเร่งด่วนตามสถานการณ์
  • งานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศ
  • โครงการวิจัยสำหรับวิทยานิพนธ์

การดำเนินงานทั้งหมดนี้มุ่งเน้นไปที่ การพัฒนาข้อเสนอทางวิชาการ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาและผลักดัน นโยบายด้านการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

ภาระโรคที่เกิดจากมะเร็งที่สัมพันธ์กับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วโลกในปี 2563
https://cas.or.th/content?id=86

ภาระโรคที่เกิดจากมะเร็งที่สัมพันธ์กับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วโลกในปี 2563

“ดื่มน้อย ดื่มปานกลาง ก็ยังทำให้เกิดมะเร็งได้”

องค์กรนานาชาติเพื่อการวิจัยด้านมะเร็ง (International Agency for Research on Cancer (IARC)) เปิดเผยผลการศึกษาล่าสุด ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติ The Lancet Oncology ซึ่งพบว่า ผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ประมาณ 741,000 คนทั่วโลก ในปี 2563 มีสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับการดื่มสุรา สามในสี่รายเป็นผู้ชาย ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่า ถึงแม้ว่าการดื่มแบบเสี่ยง และการดื่มหนัก (มากกว่าสองหน่วยดื่มมาตรฐานต่อวัน) จะเป็นสัดส่วนหลักที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็ง (ร้อยละ 86 ของจำนวนผู้ป่วยมะเร็งที่มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์) การดื่มปริมาณน้อยถึงปานกลาง (ไม่เกินสองหน่วยดื่มมาตรฐานต่อวัน) ก็เป็นสาเหตุสำคัญของโรคมะเร็งที่มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับการดื่มสุราเช่นกัน นั่นคือ ประมาณหนึ่งในเจ็ดของผู้ป่วยมะเร็งที่มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นผู้ดื่มปริมาณน้อยหรือปานกลาง ซึ่งคิดเป็นจำนวนผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ประมาณมากกว่า 100,000 รายต่อปี

ในจำนวนผู้ป่วยมะเร็ง 741,000 คนทั่วโลก ในปี 2563 นี้ ร้อยละ 26 เป็นมะเร็งหลอดอาหาร ร้อยละ 21 เป็นมะเร็งตับ และร้อยละ 13 เป็นมะเร็งเต้านม ส่วนที่เหลือเป็นมะเร็งลำไส้ ช่องปาก ทวารหนัก คอหอย และกล่องเสียง ร้อยละ 12, ร้อยละ 10, ร้อยละ 9, ร้อยละ 5 และร้อยละ 4 ตามลำดับ

(ปริมาณการดื่ม 2 หน่วยดื่มมาตรฐาน เทียบได้เท่ากับ ไวน์ที่มีดีกรีแอลกอฮอล์ 12-13% ประมาณ 2 แก้ว ๆ ละ 100 มล. เบียร์ที่มีดีกรีแอลกอฮอล์ 4.5-5% ประมาณ 2 กระป๋องหรือหนึ่งขวดใหญ่ เหล้าสี/เหล้าขาวที่มีดีกรีแอลกอฮอล์ 35-40 % ประมาณ 2 เป็ก ๆ ละ 30 มล.)

______

ที่มา: องค์กรนานาชาติเพื่อการวิจัยด้านมะเร็ง (International Agency for Research on Cancer (IARC) https://www.iarc.who.int/infographics/latest-global-data-on-cancer-burden-and-alcohol-consumption/?fbclid=IwAR0L49zmNpW5awIF60S9mC4-1oVd2jWCGNNqcADYtG1K8nwzo916x5c3D_g

- Download -

ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.)

Centre for Alcohol Studies (CAS)

สาขาวิชาระบาดวิทยา ชั้น 6 อาคารบริหารคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เลขที่ 15 ถนนกาญจนวนิช ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 90110

083-5775533

https://www.facebook.com/cas.org.th

เข้าชมแล้ว 0 ครั้ง
Copyright © 2025 CAS All rights reserved.