คำค้นหา : สุรา

คำนี้ค้นหามาแล้ว : 2577 ครั้ง
ความคิดเห็นต่อการยกเลิกประกาศ ปว.253
https://cas.or.th/content?id=992
Tags : -

 

ความคิดเห็นต่อการยกเลิกประกาศ ปว.253

การยกเลิก คำสั่ง ปว.253 ก่อให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนในสังคมอย่างกว้างขวาง หลายคนตีความว่า ประเทศไทย “ปลดล็อก” เวลาการขายเหล้าเบียร์แล้ว สามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งแท้จริงแล้ว ไม่ใช่ข้อเท็จจริง

การยกเลิก ปว. 253 ถูกตราไว้ใน พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568 เป็นการลบข้อกฎหมายเดิมที่ซ้ำซ้อน ส่วนพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ซึ่งได้ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องกำหนดเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2568 ยังคงให้จำหน่ายสุราในเวลา 11.00 น.-14.00 น.และเวลา 17.00 น.-24.00 น. เท่านั้น โดยมีข้อยกเว้นเพียง 3 กรณีคือ (1) การขายในอาคารที่ให้บริการแก่ผู้โดยสารภายในสนามบินที่ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ (2) การขายในสถานบริการซึ่งเป็นไปตามกำหนดเวลาเปิดปิดของสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ และ (3) การขายในโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม ดังนั้นสถานที่ขายสุราอื่นนอกจากสามข้อดังกล่าว ต้องขายในเวลาที่กำหนดไว้เดิมทั้งสิ้น แต่อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการควบคุมฯ ที่จะมีขึ้นตาม พรบ.ใหม่ จะมีมติในเรื่องนี้อย่างไร ก็ต้องติดตามกันต่อไป

 

ทำไมเวลาห้ามขายจึงสำคัญต่อสังคมไทย

  1. ลดความสะดวกในการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หลังเลิกงานหรือช่วงกลางคืน การจำกัดเวลาเป็น “เกราะบาง” สำคัญในการชะลอการบริโภค
  2. ลดอุบัติเหตุและความรุนแรงทางสังคม งานวิจัยจำนวนมากทั้งในและต่างประเทศยืนยันว่า ความพร้อมในการซื้อเครื่องดื่มทุกเวลา สัมพันธ์กับอัตราอุบัติเหตุบนท้องถนน การทะเลาะวิวาท และอาชญากรรมที่สูงขึ้น
  3. คุ้มครองเยาวชน เวลาห้ามขายช่วยป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้าถึงเครื่องดื่มได้ง่ายเกินไป โดยเฉพาะในชั่วโมงที่ครอบครัวและโรงเรียนไม่สามารถดูแลได้เต็มที่
  4. เป็นต้นแบบด้านนโยบายสาธารณะ ประเทศไทยได้รับการยกย่องในเวทีโลกว่าเป็นประเทศที่มีมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เข้มแข็งและสร้างสมดุลระหว่างเสรีภาพกับประโยชน์สาธารณะ การคงไว้ซึ่งเวลาห้ามขายถือเป็นเสาหลักสำคัญที่ไม่ควรถูกบั่นทอน

ดังนั้นข้อสรุปของเรื่องนี้คือ การยกเลิกคำสั่ง ปว.253 มิได้แปลว่าประชาชนจะซื้อขายสุราได้ตลอดเวลา เวลาห้ามขายยังคงอยู่ และยังคงจำเป็น ประเทศไทยไม่ควรเดินย้อนกลับไปสู่สังคมที่เปิดช่องให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกซื้อขายได้อย่างไร้ขอบเขต เพราะนั่นหมายถึงต้นทุนทางสุขภาพ อุบัติเหตุ และความรุนแรงที่จะตกกับครอบครัวและสังคมโดยรวม

การจำกัดเวลาขายจึงไม่ใช่การจำกัดเสรีภาพ หากแต่เป็น ภูมิคุ้มกันทางสังคมที่สำคัญ ที่ช่วยให้สังคมไทยปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

โดย ดร.นพ.มูฮัมมัดฟาห์มี ตาเละ
คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานรินทร์ วิทยาเขตปัตตานี

สุราในสังคมไทย: เมื่อความรุนแรงและความสร้างสรรค์เดินทางร่วมกันในนโยบายสาธารณะ
https://cas.or.th/content?id=990
Tags : -

สุราในสังคมไทย: เมื่อความรุนแรงและความสร้างสรรค์เดินทางร่วมกันในนโยบายสาธารณะ

ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน สังคมไทยได้รับรู้ข่าวสองเรื่องที่สะท้อนภาพต่างขั้วของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในชีวิตประจำวัน

  • ข่าวเศร้าจากนครศรีธรรมราช: พระรูปหนึ่งใช้ขวดสุราฟาดศีรษะลูกศิษย์วัดจนเสียชีวิต โดยมีรายงานว่าเหตุมาจากความขัดแย้งเรื่องเงินซื้อเหล้า
  • ข่าวสร้างสรรค์จากสงขลา: รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังลงพื้นที่เยี่ยมชมวิสาหกิจชุมชน “ตาคียะ (TAKIYA)” ซึ่งผลิตสุราพื้นบ้านจากน้ำตาลโตนดอย่างมีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมผลักดันเป็นต้นแบบ soft power ไทย

สองข่าวนี้ไม่ได้ขัดแย้งกันโดยตรง แต่สะท้อนความซับซ้อนของบทบาทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสังคมไทย—ทั้งในฐานะ “ปัจจัยเสี่ยง” และ “ทรัพยากรชุมชน”

 

เรากำลังเดินไปในทิศทางเดียวกันหรือสวนทางกัน?

ในขณะที่ภาครัฐส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนผ่านสุราพื้นบ้านอย่างมีเป้าหมายและความหวัง หลายชุมชนยังเผชิญกับปัญหาความรุนแรง ความยากจน และการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างไร้การควบคุม

บทบาทของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จึงไม่ใช่เพียงเรื่องของ “ผลิตภัณฑ์” แต่เป็นเรื่องของ “บริบท” และ “ระบบสนับสนุน” ที่ต้องพิจารณาร่วมกัน

 

พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับใหม่: ความหวังที่ต้องมีทิศทาง

ในช่วงที่สังคมกำลังรอประกาศบังคับใช้ พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับใหม่ และการออกกฎหมายลำดับรอง

คำถามสำคัญคือ:

  • นโยบายสาธารณะในปัจจุบันตอบสนองต่อปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในชุมชนหรือไม่?
  • หน่วยงานรัฐควรมีบทบาทอย่างไรในการกำกับดูแลและเป็นแบบอย่างต่อการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่สาธารณะ?

การตั้งคำถามแบบนี้ไม่ใช่การต่อต้าน แต่เป็นการเปิดพื้นที่ให้สังคมร่วมกันออกแบบนโยบายที่ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค และผู้ได้รับผลกระทบ แน่นอนว่าสุราพื้นบ้านสามารถเป็น soft power ได้ หากอยู่ในระบบที่มีความรับผิดชอบ มีมาตรฐาน และมีการควบคุมที่เหมาะสม ขณะเดียวกัน การควบคุมการเข้าถึงและการบริโภคสุราในบริบทเปราะบาง เช่น วัด ชุมชนยากจน หรือกลุ่มเสี่ยง ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม บทความนี้จึงไม่ใช่การตัดสิน แต่เป็นการชวนให้สังคมไทยร่วมกันตั้งคำถาม และออกแบบอนาคตของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศอย่างมีสติ มีความหวัง และมีความรับผิดชอบร่วมกัน

ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) ร่วมจัดบูธนิทรรศการในงานประชุมวิชาการ
https://cas.or.th/content?id=958
Tags : -

ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมจัดบูธนิทรรศการในงานประชุมวิชาการ "บุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ" ครั้งที่ 23 ในโอกาสครบรอบ 20 ปี ศจย. เรื่อง “รวมพลังกระชากหน้ากากธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้า : คนรุ่นใหม่รู้เท่าทันกลยุทธ์”
วันที่ 4–5 สิงหาคม 2568 ณ โรงแรมแกรนด์ริชมอนด์ จังหวัดนนทบุรี
โดย ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

บูรณาการร่วมระหว่างงานควบคุมยาสูบและงานควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มุ่งเน้นการสื่อสารประเด็นร่วมกันในการลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ ศวส. ขอขอบคุณ ศจย. ที่เปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อร่วมขับเคลื่อนสังคมไทยให้ปลอดภัยจากแอลกอฮอล์และยาสูบไปด้วยกัน

มาตรการควบคุมการบริโภคและปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
https://cas.or.th/content?id=13

องค์การอนามัยโลกและวงการแพทย์และสาธารณสุขทั่วโลก จัดให้แอลกอฮอล์ เป็นสารเสพติดและเป็นสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างไม่มีข้อถกเถียง โดยสามารถ ส่งเสริมให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้กว่า 200 ชนิด ที่สำคัญ เช่น โรคมะเร็งหลอดอาหารจนถึง ลำ ไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม และมะเร็งตับ โรคของระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะโรค ตับและโรคตับอ่อน โรคติดเชื้อ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคสมองเสื่อม รวมถึง โรคเก๊าท์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุทำ ให้เกิดการบาดเจ็บทางถนนและเสียชีวิต อีกปีละหลายหมื่นคน ก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทและความรุนแรง ดังที่ปรากฎเป็น ข่าวเกือบทุกวัน ประเทศต่าง ๆ จึงถือว่าแอลกอฮอล์ไม่ใช่สินค้าธรรมดา แต่เป็นสินค้า ที่ต้องมีการควบคุมไม่สามารถปล่อยให้ขายแบบเสรีไร้ข้อกำ หนดเหมือนเครื่องดื่ม ต่าง ๆ ได้ อย่างไรก็ดีกระแสประชาธิปไตยที่เติบโตขึ้นในสังคมและประเทศต่าง ๆ ทำ ให้ ผู้ประกอบการผลิต การขาย ได้เรียกร้องให้ลดการควบคุมหรือให้ปล่อยเสรีโดยให้ เหตุผลว่า เป็นความรับผิดชอบของคนดื่มต่างหากที่ต้องดื่มอย่างมีสติและรับผิดชอบ แม้ว่าจะฟังดูดี แต่เนื่องจากผลของแอลกอฮอล์นั้นก่อให้เกิดการเสพติดและไปลด การมีสติสัมปชัญญะโดยตรง ดังนั้นการจะปล่อยให้เป็นความรับผิดชอบของผู้ดื่มฝ่าย เดียวจึงไม่ถูกต้อง และยังเป็นการทำ ให้ผู้ไม่ดื่มต้องพลอยรับผลร้ายไปด้วย เช่น เรื่อง การดื่มแล้วขับจนเกิดเหตุ การเกิดความรุนแรงในสังคมและครอบครัว ซึ่งรัฐมีความ ชอบธรรมในการเข้าไปควบคุม ประเทศไทยเองก็อยู่ในกระแสประชาธิปไตยและกระแส ตลาดเสรี จึงเกิดความขัดแย้งจากมุมของผู้ผลิตที่รู้สึกว่ารัฐควบคุมมากไป ในขณะ เดียวกันนักวิชาการและประชาชนจำ นวนมากก็รู้สึกว่ารัฐยังสามารถทำอะไรได้มากกว่า นี้เพื่อปกป้องประชาชน ดังบทสุดท้ายซึ่งเป็นเจตนารมย์ที่แสดงออกในการประชุม วิชาการสุราแห่งชาติเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา คณะทำ งานด้านวิชาการฯ จึงได้ระดมอาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่เป็นนักวิจัยด้านแอลกอฮอล์ หารือกัน หลายครั้งและตกลงว่าจะรวบรวมแนวคิดและมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ควรดำ เนินการและได้รวบรวมเพิ่มเติมเป็นเอกสารนี้

11 กรกฎาคม 2568 วันเข้าพรรษา
https://cas.or.th/content?id=980
Tags : -

11 กรกฎาคม 2568 l วันเข้าพรรษา

        “วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘” คือวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เป็นช่วงเวลาที่พระสงฆ์เริ่มจำพรรษาอยู่ประจำวัดตลอด 3 เดือนในฤดูฝน และยังเป็นช่วงเวลาที่ชาวพุทธจำนวนมาก ตั้งใจละเว้นสิ่งที่เป็นโทษต่อกายและใจ โดยเฉพาะ การงดดื่มสุรา เพราะการ “หยุดเหล้า 3 เดือน” ไม่เพียงเป็นการปฏิบัติธรรมตามหลักศาสนา แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการ ลดความเสี่ยงโรค และ ฟื้นฟูสุขภาพ ได้อย่างแท้จริง

        หยุดเหล้า 3 เดือน ลดความเสี่ยงมากกว่าที่คิด การงดดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเข้าพรรษา เพียง 3 เดือน อาจฟังดูสั้น...แต่มีผลลัพธ์ยาวไกลต่อสุขภาพของคุณ หลักฐานทางการแพทย์ชี้ว่าเพียงแค่หยุดเหล้า:

  • ตับ เริ่มซ่อมแซมตัวเอง ลดการอักเสบและไขมันพอก
  • หัวใจ ทำงานได้ดีขึ้น ลดความดันโลหิต
  • สมอง ฟื้นฟูระบบความจำและสมาธิ
  • ภูมิคุ้มกัน แข็งแรงขึ้น ลดโอกาสติดเชื้อ
  • ความเสี่ยงโรคมะเร็ง หลายชนิดลดลง

นอกจากนี้ การหยุดดื่มยังช่วยลดอุบัติเหตุ ความรุนแรง และภาระครอบครัว วันเข้าพรรษานี้ ชวนกัน พักเหล้า 3 เดือน เพื่อพิสูจน์ผลดีด้วยตัวคุณเอง

เอกสารอ้างอิง:

1) World Health Organization (WHO). Alcohol and health.

https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/alcohol

2) Mehta, G., Macdonald, S., Cronberg, A., Rosselli, M., Khera‑Butler, T., Sumpter, C. et al. (2018). Short‑term abstinence from alcohol and changes in cardiovascular risk factors, liver function tests and cancer‑related growth factors: A prospective observational study. BMJ Open, 8(5), e020673. https://doi.org/10.1136/bmjopen‑2017‑020673

 10 กรกฎาคม 2568 วันอาสาฬหบูชา
https://cas.or.th/content?id=979
Tags : -

 10 กรกฎาคม 2568 | วันอาสาฬหบูชา
"งดสุราในวันอาสาฬหบูชา: ทางเลือกเพื่อชีวิตที่ดีกว่า"


        วันอาสาฬหบูชา เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือนแปด เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ปฐมเทศนา แก่ปัญจวัคคีย์ เรื่อง “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” ซึ่งอธิบายหลักธรรมสำคัญ ได้แก่ ทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความดับทุกข์ และทางนำไปสู่ความดับทุกข์ อันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา วันอาสาฬหบูชาจึงเป็นช่วงเวลาที่ชาวพุทธมักใช้ในการปฏิบัติธรรม เพื่อชำระจิตใจให้บริสุทธิ์และหันกลับมาใคร่ครวญชีวิตอย่างมีสติ (พระไพศาล วิสาโล, 2560)

        ในโอกาสนี้ ประเทศไทยได้กำหนดให้วันอาสาฬหบูชาเป็นหนึ่งในวันห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามกฎหมาย ร่วมกับวันพระใหญ่อื่น ๆ เช่น วันมาฆบูชา วิสาขบูชา เข้าพรรษา และออกพรรษา (ราชกิจจานุเบกษา, 2551) เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนงดเว้นจากการบริโภคสุรา และใช้เวลานี้ในการละกิเลส ฝึกจิต และเสริมสร้างสุขภาวะ

        แอลกอฮอล์หรือสุรา แม้จะเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวันของใครหลายคน แต่แท้จริงแล้วเป็นหนึ่งในต้นเหตุสำคัญของทุกข์ทั้งทางกายและทางใจ ไม่เพียงก่อให้เกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคตับ โรคหัวใจ หรือปัญหาระบบประสาท (Rehm et al., 2009) แต่ยังส่งผลกระทบต่อสังคม เช่น อุบัติเหตุบนท้องถนน ความรุนแรงในครอบครัว และการละเมิดสิทธิผู้อื่น พระพุทธศาสนาถือว่าสุราเป็นหนึ่งในอบายมุข และการงดเว้นจากการดื่มสุราก็เป็นหนึ่งในศีล 5 ซึ่งพุทธศาสนิกชนควรยึดถือ

        จากข้อมูลของศูนย์วิจัยปัญหาสุรา พบว่า การดื่มสุรามีความเชื่อมโยงกับปัญหาอุบัติเหตุ การใช้ความรุนแรง และการเจ็บป่วยจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) อย่างชัดเจน (ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา, 2565) นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังระบุว่า แอลกอฮอล์เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงอันดับต้น ๆ ของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ (WHO, 2018)

        วันอาสาฬหบูชาจึงอาจเป็นโอกาสสำคัญในการเริ่มต้น “ละเลิกเหล้า” และทบทวนเส้นทางชีวิตของตนเอง เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทั้งต่อร่างกาย จิตใจ และความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และหากผู้คนสามารถรักษาพฤติกรรมนี้ไว้ตลอดช่วงเข้าพรรษา ก็อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่จะทำให้ “การงดเหล้า” กลายเป็นวิถีชีวิตระยะยาว

เอกสารอ้างอิง:
1) พระไพศาล วิสาโล. (2560). พุทธธรรมในชีวิตประจำวัน. กรุงเทพฯ: สวนเงินมีมา.
2) ราชกิจจานุเบกษา. (2551). พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551.
3) Rehm J, Mathers C, Popova S, et al. (2009). Global burden of disease and injury and economic cost attributable to alcohol use and alcohol-use disorders. Lancet, 373(9682), 2223–2233.
4) ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา. (2565). รายงานสถานการณ์แอลกอฮอล์ประเทศไทย.
5) World Health Organization (WHO). (2018). Global Status Report on Alcohol and Health 2018. Geneva: WHO."

ผลการวิจัย "การเฝ้าระวังพฤติกรรมการใช้สุรา ยาสูบ สารเสพติด และพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพในนักเรียนระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่าของประเทศไทย"
https://cas.or.th/content?id=937

ผลการวิจัย "การเฝ้าระวังพฤติกรรมการใช้สุรา ยาสูบ สารเสพติด และพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพในนักเรียนระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่าของประเทศไทย"

ดำเนินการสำรวจในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่าทั่วประเทศ 106 แห่ง มีนักเรียนเข้าร่วมและตอบแบบสอบถามอย่างครบถ้วน จำนวน 23,931 คน

การเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยง อาทิ

  • การใช้ สุรา
  • การใช้ ยาสูบ/บุหรี่ไฟฟ้า
  • การใช้ สารเสพติด
  • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ อื่น ๆ

อ้างอิง: วิทย์ วิชัยดิษฐ. (2568) การเฝ้าระวังพฤติกรรมการใช้สุรา ยาสูบ สารเสพติด และพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพในนักเรียนระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่าของประเทศไทย. สงขลา: ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา.

วิจัยใหม่ชี้! “แอลกอฮอล์” เชื่อมโยงกับมะเร็งตับอ่อน – เพิ่มอีกหนึ่งในกลุ่มมะเร็งที่แอลกอฮอล์มีส่วนเกี่ยวข้อง
https://cas.or.th/content?id=933

 

วิจัยใหม่ชี้! “แอลกอฮอล์” เชื่อมโยงกับมะเร็งตับอ่อน – เพิ่มอีกหนึ่งในกลุ่มมะเร็งที่แอลกอฮอล์มีส่วนเกี่ยวข้อง

ที่ผ่านมา แอลกอฮอล์ถูกจัดเป็นสารก่อมะเร็งกลุ่มที่ 1 โดยองค์การอนามัยโลก (IARC) ซึ่งหมายถึง มีหลักฐานชัดเจนในมนุษย์ว่าก่อมะเร็งได้ ปัจจุบันเราทราบดีว่า แอลกอฮอล์มีความเชื่อมโยงกับมะเร็งอย่างน้อย 7 ชนิด ได้แก่:

  • มะเร็งช่องปาก
  • มะเร็งคอหอย
  • มะเร็งกล่องเสียง
  • มะเร็งหลอดอาหาร
  • มะเร็งตับ
  • มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
  • มะเร็งเต้านมในผู้หญิง

ล่าสุด! งานวิจัยขนาดใหญ่ระดับโลกที่ตีพิมพ์เมื่อพฤษภาคม 2025 วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้คนกว่า 2.4 ล้านคน ใน 30 ประเทศทั่วโลก พบว่า แอลกอฮอล์เชื่อมโยงกับ “มะเร็งตับอ่อน” อย่างมีนัยสำคัญ

ประเด็นสำคัญที่ค้นพบ:

  • ทุกๆ การเพิ่มแอลกอฮอล์ 10 กรัม/วัน (≈ 1 แก้วเครื่องดื่มมาตรฐาน) เสี่ยงมะเร็งตับอ่อนเพิ่มขึ้น 3%
  • ผู้หญิงที่ดื่ม 15–30 กรัม/วัน เสี่ยงเพิ่มขึ้น 12%
  • ผู้ชายที่ดื่ม 30–60 กรัม/วัน และ >60 กรัม/วัน เสี่ยงเพิ่มขึ้น 15% และ 36% ตามลำดับ
  • เบียร์และสุรา มีความสัมพันธ์กับมะเร็งตับอ่อนชัดเจน — แต่ ไวน์ ไม่พบความสัมพันธ์
  • ผลวิจัยสอดคล้องในกลุ่มประชากรยุโรป ออสเตรเลีย และอเมริกา — แต่ยังไม่ชัดเจนในเอเชีย

แล้วเราควรทำอย่างไร?

แม้มะเร็งตับอ่อนจะพบไม่บ่อยเท่ามะเร็งชนิดอื่น แต่กลับ อันตรายที่สุดชนิดหนึ่ง เพราะมักตรวจพบช้าและมีอัตราการเสียชีวิตสูง การลดหรืองดแอลกอฮอล์ คือวิธีป้องกันที่ “ไม่ซับซ้อนแต่ได้ผลจริง”

วันนี้เรารู้แล้วว่า — แอลกอฮอล์ไม่ใช่แค่เรื่องของตับหรืออุบัติเหตุ แต่คือ “ภัยเงียบที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งมากขึ้นเรื่อยๆ”

ประเทศไทยในสายตา WHO: ต้นแบบการควบคุมปัญหาสุรา
https://cas.or.th/content?id=932

ประเทศไทยในสายตา WHO: ต้นแบบการควบคุมปัญหาสุรา

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เผยแพร่รายงานปี 2025 ว่าด้วยกฎหมายและมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยยกประเทศไทยเป็นหนึ่งในตัวอย่างประเทศที่มีการดำเนินนโยบายเชิงรุกเพื่อควบคุมผลกระทบจากการบริโภคสุรา

ในรายงานดังกล่าว WHO ชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยมีมาตรการทางกฎหมายที่หลากหลายและมีความเข้มแข็ง เช่น การจำกัดเวลาและสถานที่จำหน่ายแอลกอฮอล์ ห้ามขายในสถานที่สาธารณะสำคัญ เช่น วัด โรงเรียน และสถานีบริการน้ำมัน รวมถึงการควบคุมการขายผ่านช่องทางที่ไม่เหมาะสม เช่น ตู้ขายอัตโนมัติและหาบเร่แผงลอย

นอกจากนี้ ระบบภาษีสรรพสามิตของไทยยังออกแบบให้ผสมผสานระหว่างปริมาณแอลกอฮอล์และราคาขาย เพื่อควบคุมการบริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น เบียร์มีอัตราภาษีทั้งตามราคาขายปลีกและปริมาณแอลกอฮอล์บริสุทธิ์

การที่ WHO ยกตัวอย่างประเทศไทยในรายงานระดับโลก สะท้อนถึงความก้าวหน้าในการใช้ “กฎหมาย” เป็นเครื่องมือหลักในการลดอันตรายจากสุรา พร้อมยืนยันว่า การป้องกันเชิงระบบสามารถทำได้จริง หากมีเจตจำนงและการบังคับใช้ที่ชัดเจน

อ้างอิง: World Health Organization. Laws and regulations addressing the acceptability, availability and affordability of alcoholic beverages [Internet]. Geneva: World Health Organization; 2025 [cited 2025 May 21]. Available from: https://www.who.int/publications/i/item/9789240108301

มติการประชุม คณะทำงานด้านวิชาการในการสนับสนุนการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
https://cas.or.th/content?id=889

มติการประชุม คณะทำงานด้านวิชาการในการสนับสนุนการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 
ภายใต้อนุกรรมการวิชาการ คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ความเสี่ยงในการแก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือประกาศที่ใช้บังคับในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568

1) การยกเลิกกำหนดเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยการให้โรงแรมที่จดทะเบียนสามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือการขยายเวลาขายให้สถานประกอบการคล้ายสถานบริการขายได้ถึงตีสี่:

        ปัจจุบันมีโรงแรมที่จดทะเบียนประมาณ 15,000 แห่ง แขกในโรงแรมสามารถดื่มจากสินค้าที่วางขายในห้องอยู่แล้ว หากครอบคลุมไปถึงร้านค้า ร้านอาหารในโรงแรม มาตรการนี้จะทำให้เกิดการบริโภคเพิ่มขึ้นอย่างมาก แขกและลูกค้าภายนอกของโรงแรมสามารถเข้ามาใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง จะเกิดการดื่มแล้วขับทำให้บาดเจ็บและการตายบนท้องถนนเพิ่มมากขึ้นในหลายจังหวัดอย่างแน่นอน ประมาณ 15-20% เป็นอย่างน้อย ดังปรากฏข้อเท็จจริงว่าในการขยายเวลาให้สถานบริการในพื้นที่ จังหวัดชลบุรีและภูเก็ตที่รวมประมาณ 1,000 สถานบริการ โดยขยายเวลาบริการได้ถึงตีสี่ ทำให้เกิดอุบัติเหตุในช่วงตีสองถึงเจ็ดโมงเช้าเพิ่มขึ้นทั้งสองจังหวัด เกิดการบาดเจ็บเพิ่ม 900 ราย (เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 14%) และมีการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นทั้งสองจังหวัดรวมกัน 37 ราย (เพิ่มขึ้น 25%) โดยแม้แต่พื้นที่นำร่องที่ขยายเวลาฯ ก็ยังไม่ได้ดำเนินการให้เป็นตามมาตรการที่กำหนด ยิ่งไปกว่านั้นในพื้นที่เขตโซนนิ่งมีปัญหาอาชญากรรมเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ป่าตอง มีเหตุทุกวัน ทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว ชาวบ้านในพื้นที่ใช้ชีวิตลำบากมากขึ้น โจรขโมยเยอะขึ้น และแน่นอนว่าเป็นการเพิ่มภาระงานให้กับบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่กู้ภัย และที่พัทยา พบนักท่องเที่ยวโดนคนเมาทำร้าย อย่างไรก็ดีหากโรงแรมที่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศมากและใช้บริการอาหารเที่ยงของโรงแรมมีความประสงค์ขอขยายเวลาการขายในช่วง 14.00-17.00 น. อาจพิจารณาเป็นข้อยกเว้นภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนดขึ้น และตรวจสอบรับรองโดยคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับจังหวัด ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของ พ.ร.บ. ฉบับแก้ไขที่กำลังพิจารณาในสภาขณะนี้

2) การห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันสำคัญทางศาสนา:

        การอนุญาตให้ขายในวันสำคัญทางศาสนาเพียง 5 วัน ประชาชนส่วนใหญ่อาจไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะที่นับถือศาสนาพุทธ เนื่องจากมีมิติทางสังคมวัฒนธรรม และเมื่อพิจารณาสถานการณ์ปัจจุบัน พบว่า ประชาชนยังสามารถหาซื้อได้ในร้านขายของชำทั่วไป โดยสามารถซื้อได้ตลอด แม้ว่าเป็นช่วงเวลาห้ามขายก็ตาม สะท้อนให้เห็นถึงการบังคับใช้กฎหมายที่ผ่านมา ไม่มีการตรวจสอบหรือสุ่มตรวจร้านค้า คณะทำงานด้านวิชาการฯ เสนอให้คงการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันสำคัญทางศาสนาไว้ 5 วันคงเดิม และไม่เห็นด้วยที่จะยกเว้นให้ขายได้ในสถานประกอบการคล้ายสถานบริการ เพราะจะไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งจำนวนสถานประกอบการคล้ายสถานบริการมีมากกว่า 1 แสนราย ส่วนสถานบริการตามกฎหมายสถานบริการ 2,000 ราย ควรจะห้ามเช่นเดิม แต่อาจมีข้อยกเว้นให้กับบางพื้นที่เท่านั้น เช่น ท่าอากาศยานระหว่างประเทศ โรงแรม โดยคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จังหวัดต้องรับรองตรวจสอบให้มีมาตรการเฝ้าระวัง ติดตาม และป้องกันผลกระทบอย่างจริงจัง

3) การขายออนไลน์:

        ไม่ควรอนุมัติให้มีการยกเลิกกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือประกาศที่ใช้บังคับปัจจุบันเพื่อให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ต่อผู้บริโภคโดยตรงได้ และควรชะลอการตัดสินใจเพื่อสั่งการให้มีคณะศึกษาผลกระทบในเรื่องนี้อย่างละเอียด เนื่องจากปัจจุบันมีร้านค้าที่พร้อมจะขายออนไลน์ เช่น ร้านสะดวกซื้อแบบธุรกิจขนาดใหญ่เกือบสองหมื่นร้าน ร้านอาหาร ผับ บาร์ อีกประมาณสองแสนร้าน หรืออาจเกือบครึ่งหนึ่งจากใบอนุญาตขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 570,000 ใบ ประกอบกับมีแพลตฟอร์มการสั่งซื้อที่สะดวกมากมายหลากหลายที่ไม่มีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ซื้อ จะทำให้เยาวชนเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ง่ายโดยปราศจากการตรวจสอบอายุตามที่กฎหมายกำหนด ไม่สามารถตรวจสอบตัวตนของผู้ขายและตรวจสอบใบอนุญาตขาย ซึ่งมีความย้อนแย้งกับมติคณะรัฐมนตรีที่ให้ดำเนินการแก้ไขโดยที่ต้องคำนึงถึงการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่เหมาะสมของเยาวชนเป็นสำคัญ ทั้งนี้ การขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ต่อผู้บริโภคโดยตรงนั้นก็ไม่ได้เป็นวิธีการส่งเสริมการท่องเที่ยวแต่อย่างใด และในทางกลับกันอาจกลายเป็นช่องทางที่มีการสั่งสินค้าแอลกอฮอล์จากต่างประเทศได้ ประกอบกับผลจากการบังคับใช้การขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ผ่านมา พบว่า มีการสื่อสารโพสต์คอนเทนต์โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 และได้ลองดำเนินการแจ้งทางแพลตฟอร์มโซเชียล ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ จึงทำให้ไม่สามารถดำเนินคดีต่อได้

4) ประเด็นอื่น ๆ:

  • การดำเนินงานในแต่ละประเด็น ควรต้องสร้างตัวเลือกในการดำเนินงาน อาจประกอบด้วยแนวทางหลักและแนวทางสำรอง เช่น อาจจะลองดำเนินการในบางพื้นที่ ซึ่งรัฐต้องมีการควบคุม ติดตาม และรายงานผลของนโยบายให้เป็นที่ประจักษ์ เพื่อลดผลกระทบ โดยมาตรการความพร้อมต้องเกิดก่อนออกมาตรการ
  • ควรมีการศึกษาวิจัยมิติทางสังคมที่มาช่วยยืนยันได้ว่า นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวประเทศไทย มาเพราะอยากดื่มเหล้า มาเล่นคาสิโน และมีงานวิจัยต่างประเทศที่ชี้ว่าการส่งเสริมการท่องเที่ยวในการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นไม่ได้ส่งเสริมรายได้ทางเศรษฐานะของประชาชนได้จริง
  • การเพิ่มช่องทางการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ย่อมเพิ่มผลกระทบแน่นอน ส่วนใหญ่จะพบข้อมูลผลกระทบที่เป็นภัยทางถนนเป็นส่วนใหญ่และเห็นแนวโน้มชัดเจน ซึ่งอาจต้องพิจารณาถึงผลกระทบด้านอื่นร่วมด้วย เช่น เหตุทะเลาะวิวาทจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือดื่มจนเสียชีวิต การติดสุรา ข้อมูลความรุนแรง เป็นต้น ซึ่งยังไม่ค่อยมีข้อมูลด้านนี้ จึงไม่สามารถนำมาใช้ในการประกอบการพิจารณาได้อย่างรอบด้าน

5) บทสรุป:

        เนื่องจากการยกเลิกมาตรการต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องการให้ขายออนไลน์ ขยายเวลาขายในโรงแรม 24 ชั่วโมง หรือการขยายเวลาให้สถานบริการและสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการจะมีความเสี่ยงทำให้เกิดการเสียชีวิตประมาณ 600-800 ราย จากการดื่มขับ การเร่งรัดแก้ไขให้เสร็จเร็วเพื่อทันเทศกาลสงกรานต์สำหรับการท่องเที่ยวจึงอาจเป็นการละเลยและประมาทในการปกป้องความปลอดภัยของคนไทยตามหน้าที่ของรัฐที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ คณะทำงานด้านวิชาการฯ เสนอให้มีการศึกษาเพื่อพิจารณาความพร้อมต่าง ๆ อย่างรอบด้าน ไม่ควรรีบดำเนินการเพราะไม่ได้เป็นภาวะฉุกเฉิน

ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.)

Centre for Alcohol Studies (CAS)

สาขาวิชาเวชศาสตร์ครอบครัวและเวชศาสตร์ป้องกัน อาคารศรีเวชวัฒน์ ชั้น 11 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เลขที่ 15 ถนนกาญจนวนิช ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 90110

083-5775533

https://www.facebook.com/cas.org.th

เข้าชมแล้ว 0 ครั้ง
Copyright © 2025 CAS All rights reserved.