คำค้นหา : แอลกอฮอล์

คำนี้ค้นหามาแล้ว : 6019 ครั้ง
28 กรกฎาคม – วันมะเร็งศีรษะและลำคอโลก
https://cas.or.th/content?id=981
Tags : -

28 กรกฎาคม – วันมะเร็งศีรษะและลำคอโลก

        รู้หรือไม่? แอลกอฮอล์ไม่ได้แค่ทำลายตับ แต่มันคือ “สารก่อมะเร็งระดับ 1” ที่เพิ่มความเสี่ยง มะเร็งศีรษะและลำคออย่างมีนัยสำคัญ

        รศ.นพ.ธนเดช และ รศ.พญ.อรุณี เดชาพันธุ์กุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งศีรษะและลำคอ และมะเร็งวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ระบุว่า 75% ของผู้ป่วยมะเร็งศีรษะและลำคอ เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่

        แต่… คนไทยกว่า 90% ยังไม่รู้เลยว่า “เหล้า” ก็เป็นสาเหตุของมะเร็งชนิดนี้! แอลกอฮอล์ (เอทานอล) เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็น อะเซทัลดีไฮด์ (Acetaldehyde) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่ทำให้เกิดการทำลายดีเอ็นเอในเซลล์เยื่อบุช่องปาก กล่องเสียง และคอหอย

        นอกจากนี้แอลกอฮอล์ยัง ทำลายเยื่อบุผิวทางเดินอาหารส่วนต้น ทำให้เซลล์ซ่อมแซมตัวเองได้น้อยลง และเพิ่มการดูดซึมสารพิษจากบุหรี่หรือมลภาวะอื่นเข้าสู่ร่างกายมากขึ้น ดื่มบ่อย + สูบร่วมกัน = ความเสี่ยง “ทวีคูณ”

        ทางออกเชิงนโยบาย: ผู้เชี่ยวชาญเสนอว่า ประเทศไทยควรเร่งออก “คำเตือนสุขภาพบนฉลากแอลกอฮอล์” เพื่อเพิ่มการรับรู้ ลดความเสี่ยง ป้องกันมะเร็งตั้งแต่ต้นทาง

ข้อมูลจาก: การศึกษาความรอบรู้ด้านสุขภาพในประเด็นเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประชาชนไทย : กรณีศึกษาประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปใน 12 จังหวัดทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ

มาตรการควบคุมการบริโภคและปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
https://cas.or.th/content?id=13

องค์การอนามัยโลกและวงการแพทย์และสาธารณสุขทั่วโลก จัดให้แอลกอฮอล์ เป็นสารเสพติดและเป็นสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างไม่มีข้อถกเถียง โดยสามารถ ส่งเสริมให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้กว่า 200 ชนิด ที่สำคัญ เช่น โรคมะเร็งหลอดอาหารจนถึง ลำ ไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม และมะเร็งตับ โรคของระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะโรค ตับและโรคตับอ่อน โรคติดเชื้อ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคสมองเสื่อม รวมถึง โรคเก๊าท์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุทำ ให้เกิดการบาดเจ็บทางถนนและเสียชีวิต อีกปีละหลายหมื่นคน ก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทและความรุนแรง ดังที่ปรากฎเป็น ข่าวเกือบทุกวัน ประเทศต่าง ๆ จึงถือว่าแอลกอฮอล์ไม่ใช่สินค้าธรรมดา แต่เป็นสินค้า ที่ต้องมีการควบคุมไม่สามารถปล่อยให้ขายแบบเสรีไร้ข้อกำ หนดเหมือนเครื่องดื่ม ต่าง ๆ ได้ อย่างไรก็ดีกระแสประชาธิปไตยที่เติบโตขึ้นในสังคมและประเทศต่าง ๆ ทำ ให้ ผู้ประกอบการผลิต การขาย ได้เรียกร้องให้ลดการควบคุมหรือให้ปล่อยเสรีโดยให้ เหตุผลว่า เป็นความรับผิดชอบของคนดื่มต่างหากที่ต้องดื่มอย่างมีสติและรับผิดชอบ แม้ว่าจะฟังดูดี แต่เนื่องจากผลของแอลกอฮอล์นั้นก่อให้เกิดการเสพติดและไปลด การมีสติสัมปชัญญะโดยตรง ดังนั้นการจะปล่อยให้เป็นความรับผิดชอบของผู้ดื่มฝ่าย เดียวจึงไม่ถูกต้อง และยังเป็นการทำ ให้ผู้ไม่ดื่มต้องพลอยรับผลร้ายไปด้วย เช่น เรื่อง การดื่มแล้วขับจนเกิดเหตุ การเกิดความรุนแรงในสังคมและครอบครัว ซึ่งรัฐมีความ ชอบธรรมในการเข้าไปควบคุม ประเทศไทยเองก็อยู่ในกระแสประชาธิปไตยและกระแส ตลาดเสรี จึงเกิดความขัดแย้งจากมุมของผู้ผลิตที่รู้สึกว่ารัฐควบคุมมากไป ในขณะ เดียวกันนักวิชาการและประชาชนจำ นวนมากก็รู้สึกว่ารัฐยังสามารถทำอะไรได้มากกว่า นี้เพื่อปกป้องประชาชน ดังบทสุดท้ายซึ่งเป็นเจตนารมย์ที่แสดงออกในการประชุม วิชาการสุราแห่งชาติเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา คณะทำ งานด้านวิชาการฯ จึงได้ระดมอาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่เป็นนักวิจัยด้านแอลกอฮอล์ หารือกัน หลายครั้งและตกลงว่าจะรวบรวมแนวคิดและมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ควรดำ เนินการและได้รวบรวมเพิ่มเติมเป็นเอกสารนี้

ทำไม “เหล้า-บุหรี่-น้ำหวาน” ยังราคาถูกกว่าสุขภาพ?
https://cas.or.th/content?id=998
Tags : -

ทำไม “เหล้า-บุหรี่-น้ำหวาน” ยังราคาถูกกว่าสุขภาพ?



ล่าสุด! องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศแผนเร่งด่วน “3 by 35” ขึ้นภาษี 3 สินค้าเสี่ยงภัยสุขภาพ ภายในปี 2035 เพื่อ “ช่วยชีวิตคนทั้งโลก”

3 เป้าหมายของ WHO คือ:

  1.  เพิ่มภาษี ยาสูบ
  2.  เพิ่มภาษี เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  3.  เพิ่มภาษี น้ำหวานและน้ำอัดลม


เพราะ 3 สิ่งนี้คือ “ฆาตกรเงียบ” ที่อยู่เบื้องหลังเบาหวาน มะเร็ง หัวใจ และอุบัติเหตุ

ประเทศไทยพร้อมหรือยัง?
วันนี้เรามีนักดื่มวัยรุ่นเพิ่มขึ้น
เด็กดื่มน้ำหวานทุกวัน
และบุหรี่ไฟฟ้าราคาถูกเกินไป

ถึงเวลาแล้วที่ไทยต้อง “เดินหน้าเก็บภาษีเพื่อสุขภาพ”
อย่างจริงจัง และ “นำรายได้คืนกลับสู่ระบบสุขภาพ”

มาร่วมส่งเสียงถึงนโยบายไทย
ให้ขยับตามข้อเสนอขององค์การอนามัยโลก
เพื่ออนาคตที่ปลอดเหล้า ปลอดบุหรี่ และปลอดโรค

อ้างอิง: https://www.who.int/.../02-07-2025-who-launches-bold-push...

11 กรกฎาคม 2568 วันเข้าพรรษา
https://cas.or.th/content?id=980
Tags : -

11 กรกฎาคม 2568 l วันเข้าพรรษา

        “วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘” คือวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เป็นช่วงเวลาที่พระสงฆ์เริ่มจำพรรษาอยู่ประจำวัดตลอด 3 เดือนในฤดูฝน และยังเป็นช่วงเวลาที่ชาวพุทธจำนวนมาก ตั้งใจละเว้นสิ่งที่เป็นโทษต่อกายและใจ โดยเฉพาะ การงดดื่มสุรา เพราะการ “หยุดเหล้า 3 เดือน” ไม่เพียงเป็นการปฏิบัติธรรมตามหลักศาสนา แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการ ลดความเสี่ยงโรค และ ฟื้นฟูสุขภาพ ได้อย่างแท้จริง

        หยุดเหล้า 3 เดือน ลดความเสี่ยงมากกว่าที่คิด การงดดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเข้าพรรษา เพียง 3 เดือน อาจฟังดูสั้น...แต่มีผลลัพธ์ยาวไกลต่อสุขภาพของคุณ หลักฐานทางการแพทย์ชี้ว่าเพียงแค่หยุดเหล้า:

  • ตับ เริ่มซ่อมแซมตัวเอง ลดการอักเสบและไขมันพอก
  • หัวใจ ทำงานได้ดีขึ้น ลดความดันโลหิต
  • สมอง ฟื้นฟูระบบความจำและสมาธิ
  • ภูมิคุ้มกัน แข็งแรงขึ้น ลดโอกาสติดเชื้อ
  • ความเสี่ยงโรคมะเร็ง หลายชนิดลดลง

นอกจากนี้ การหยุดดื่มยังช่วยลดอุบัติเหตุ ความรุนแรง และภาระครอบครัว วันเข้าพรรษานี้ ชวนกัน พักเหล้า 3 เดือน เพื่อพิสูจน์ผลดีด้วยตัวคุณเอง

เอกสารอ้างอิง:

1) World Health Organization (WHO). Alcohol and health.

https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/alcohol

2) Mehta, G., Macdonald, S., Cronberg, A., Rosselli, M., Khera‑Butler, T., Sumpter, C. et al. (2018). Short‑term abstinence from alcohol and changes in cardiovascular risk factors, liver function tests and cancer‑related growth factors: A prospective observational study. BMJ Open, 8(5), e020673. https://doi.org/10.1136/bmjopen‑2017‑020673

 10 กรกฎาคม 2568 วันอาสาฬหบูชา
https://cas.or.th/content?id=979
Tags : -

 10 กรกฎาคม 2568 | วันอาสาฬหบูชา
"งดสุราในวันอาสาฬหบูชา: ทางเลือกเพื่อชีวิตที่ดีกว่า"


        วันอาสาฬหบูชา เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือนแปด เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ปฐมเทศนา แก่ปัญจวัคคีย์ เรื่อง “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” ซึ่งอธิบายหลักธรรมสำคัญ ได้แก่ ทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความดับทุกข์ และทางนำไปสู่ความดับทุกข์ อันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา วันอาสาฬหบูชาจึงเป็นช่วงเวลาที่ชาวพุทธมักใช้ในการปฏิบัติธรรม เพื่อชำระจิตใจให้บริสุทธิ์และหันกลับมาใคร่ครวญชีวิตอย่างมีสติ (พระไพศาล วิสาโล, 2560)

        ในโอกาสนี้ ประเทศไทยได้กำหนดให้วันอาสาฬหบูชาเป็นหนึ่งในวันห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามกฎหมาย ร่วมกับวันพระใหญ่อื่น ๆ เช่น วันมาฆบูชา วิสาขบูชา เข้าพรรษา และออกพรรษา (ราชกิจจานุเบกษา, 2551) เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนงดเว้นจากการบริโภคสุรา และใช้เวลานี้ในการละกิเลส ฝึกจิต และเสริมสร้างสุขภาวะ

        แอลกอฮอล์หรือสุรา แม้จะเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวันของใครหลายคน แต่แท้จริงแล้วเป็นหนึ่งในต้นเหตุสำคัญของทุกข์ทั้งทางกายและทางใจ ไม่เพียงก่อให้เกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคตับ โรคหัวใจ หรือปัญหาระบบประสาท (Rehm et al., 2009) แต่ยังส่งผลกระทบต่อสังคม เช่น อุบัติเหตุบนท้องถนน ความรุนแรงในครอบครัว และการละเมิดสิทธิผู้อื่น พระพุทธศาสนาถือว่าสุราเป็นหนึ่งในอบายมุข และการงดเว้นจากการดื่มสุราก็เป็นหนึ่งในศีล 5 ซึ่งพุทธศาสนิกชนควรยึดถือ

        จากข้อมูลของศูนย์วิจัยปัญหาสุรา พบว่า การดื่มสุรามีความเชื่อมโยงกับปัญหาอุบัติเหตุ การใช้ความรุนแรง และการเจ็บป่วยจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) อย่างชัดเจน (ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา, 2565) นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังระบุว่า แอลกอฮอล์เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงอันดับต้น ๆ ของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ (WHO, 2018)

        วันอาสาฬหบูชาจึงอาจเป็นโอกาสสำคัญในการเริ่มต้น “ละเลิกเหล้า” และทบทวนเส้นทางชีวิตของตนเอง เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทั้งต่อร่างกาย จิตใจ และความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และหากผู้คนสามารถรักษาพฤติกรรมนี้ไว้ตลอดช่วงเข้าพรรษา ก็อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่จะทำให้ “การงดเหล้า” กลายเป็นวิถีชีวิตระยะยาว

เอกสารอ้างอิง:
1) พระไพศาล วิสาโล. (2560). พุทธธรรมในชีวิตประจำวัน. กรุงเทพฯ: สวนเงินมีมา.
2) ราชกิจจานุเบกษา. (2551). พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551.
3) Rehm J, Mathers C, Popova S, et al. (2009). Global burden of disease and injury and economic cost attributable to alcohol use and alcohol-use disorders. Lancet, 373(9682), 2223–2233.
4) ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา. (2565). รายงานสถานการณ์แอลกอฮอล์ประเทศไทย.
5) World Health Organization (WHO). (2018). Global Status Report on Alcohol and Health 2018. Geneva: WHO."

ธุรกิจแอลกอฮอล์กับ Pride Month: ฉลองความหลากหลาย หรือฉวยโอกาสทางการตลาด บนความเสี่ยงของ LGBTQ+
https://cas.or.th/content?id=938

ธุรกิจแอลกอฮอล์กับ Pride Month: ฉลองความหลากหลาย หรือฉวยโอกาสทางการตลาด บนความเสี่ยงของ LGBTQ+

ทุกเดือนมิถุนายน โลกเฉลิมฉลอง Pride Month เพื่อสนับสนุนสิทธิ ความเท่าเทียม และอัตลักษณ์ของกลุ่ม LGBTQ+

แต่ในขณะเดียวกัน ธุรกิจแอลกอฮอล์จำนวนไม่น้อยกลับเข้ามา "แทรก" ในพื้นที่เฉลิมฉลองนี้ ด้วย วาทกรรมของความเป็นพันธมิตร การสนับสนุนกิจกรรม Pride หรือแม้แต่การออกแบบขวดรุ่นพิเศษที่ใช้สีรุ้ง ทั้งหมดนี้ดูเหมือนเป็น "ความหวังดี"... แต่จริง ๆ แล้วมีอะไรซ่อนอยู่

ในสิ่งที่ดูเหมือนมิตรภาพ อาจมีความเสี่ยงซ่อนอยู่

  • งานวิจัยพบว่า กลุ่ม LGBTQ+ ดื่มแอลกอฮอล์มากและบ่อยกว่ากลุ่มทั่วไป โดยเฉพาะหญิงรักหญิงและหญิงไบเซ็กชวล ซึ่งเสี่ยงต่อผลกระทบทางสุขภาพมากกว่ากลุ่มอื่น
  • การดื่มของกลุ่ม LGBTQ+ ไม่ใช่แค่ "เพื่อเข้าสังคม" แต่ยังเป็นเครื่องมือคลายความเครียดจากการถูกกีดกัน หรือตอบสนองอัตลักษณ์ทางเพศ
  • สถานบันเทิงใน “gay scene” กลายเป็นพื้นที่ดื่มหลัก ที่มีทั้ง โปรโมชันเหล้าแรง เกมแจกเครื่องดื่ม และพนักงานขายแบบยั่วยวน เพื่อกระตุ้นยอดขาย
  • แบรนด์แอลกอฮอล์จำนวนมากใช้กลยุทธ์ทาง CSR และ “พันธมิตรแท้” เพื่อสร้างภาพลักษณ์ดี แต่แท้จริงแล้วคือ การตลาดแฝง ที่หลีกเลี่ยงกฎหมายและเพิ่มยอดขาย

ทำไมเราควรตั้งคำถาม?

  • เพราะการ "รวมสีรุ้ง" กับธุรกิจที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ อาจกลายเป็นการทำลายสุขภาพของกลุ่มเปราะบางโดยไม่รู้ตัว
  • เพราะการตลาดลักษณะนี้อาจทำให้เราลืมไปว่า “การดื่มคือความเสี่ยง” ไม่ใช่แค่สัญลักษณ์แห่งการเฉลิมฉลอง
  • เพราะสุขภาพของชุมชน LGBTQ+ ไม่ควรตกเป็นเหยื่อของผลประโยชน์ทางธุรกิจ

ขอชวนทุกคนตั้งคำถามว่า... Pride ที่เราฉลองกันนั้น เพื่อใคร? เราสนับสนุนสิทธิและสุขภาพของ LGBTQ+ จริง ๆ หรือแค่เปิดทางให้แบรนด์แสวงหากำไร?

ร่วมกันจับตาการตลาดแฝง และสร้างพื้นที่ปลอดภัย ปลอดเหล้า เพื่อ Pride ที่แท้จริง

อ้างอิง: Souto Pereira S, Lyons A. Rainbow-washing or genuine allyship? How alcohol companies target the LGBTQ+ community [Internet]. London: Institute of Alcohol Studies; 2025 Mar 10 [cited 2025 Jun 12]. Available from: https://www.ias.org.uk/.../rainbow-washing-or-genuine.../

ยุโรป ตื่นแล้ว: การก่อตั้งพันธมิตรสุขภาพยุโรปเพื่อลดผลกระทบจากแอลกอฮอล์ (European Health Alliance on Alcohol)
https://cas.or.th/content?id=936

 

ยุโรป ตื่นแล้ว: การก่อตั้งพันธมิตรสุขภาพยุโรปเพื่อลดผลกระทบจากแอลกอฮอล์ (European Health Alliance on Alcohol)

พันธมิตรสุขภาพยุโรปเพื่อลดผลกระทบจากแอลกอฮอล์ (European Health Alliance on Alcohol) ได้เปิดตัวในงานประชุม European Association for the Study of the Liver (EASL) Congress 2025 ที่เมืองอัมสเตอร์ดัม โดยมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบของแอลกอฮอล์ต่อสุขภาพ เพิ่มการรับรู้ของสาธารณชน และผลักดันนโยบายที่มีประสิทธิภาพในการลดอันตรายจากแอลกอฮอล์

องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ภูมิภาคยุโรปมีอัตราการบริโภคแอลกอฮอล์สูงที่สุดในโลก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากแอลกอฮอล์ประมาณ 800,000 คนต่อปี และเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อโรคเรื้อรังกว่า 200 ชนิด รวมถึงปัญหาสุขภาพจิตและการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ

ในงานประชุม มีการจัดเสวนาโดยผู้เชี่ยวชาญ นักการเมือง และผู้ป่วยที่เคยประสบปัญหาจากการดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อท้าทายความเชื่อทางสังคมที่มองว่าแอลกอฮอล์เป็นสิ่งปกติ และเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงนโยบายและทัศนคติของสังคมต่อการบริโภคแอลกอฮอล์

การรวมตัวครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้และผลักดันนโยบายที่มีประสิทธิภาพในการลดอันตรายจากแอลกอฮอล์ในยุโรป!

อ้างอิง: https://www.medscape.com/.../breaking-silence-europe...

ขอขอบคุณรูปภาพจาก: https://movendi.ngo/.../growing-the-movement-health.../

 

สถานการณ์การดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย 2564 VS 2567
https://cas.or.th/content?id=934

3 ปีผ่านไป คนไทยดื่มมากขึ้น!!

ผลจากการสำรวจของสำนักงานสถิติ ปี 2567 รายงานว่า จำนวนผู้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ (นักดื่มปัจจุบัน; นักดื่มฯ ในรอบ 12 เดือนที่แล้ว) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 28.0 (16 ล้านคน) ในปี 2564 เป็นร้อยละ 35.2 (20.9 ล้านคน) ในปี 2567

1) ความชุก "นักดื่มหนัก" เพิ่มขึ้นทุกกลุ่ม

  • โดยรวมเพิ่มขึ้น 7.2%
  • ผู้ชายเพิ่มขึ้น 9.3%
  • ผู้หญิงเพิ่มขึ้น 5.9%

2) คนไทยเริ่มดื่มเร็วขึ้น

  • อายุเฉลี่ยที่เริ่มดื่มลดลงจาก 20.4 ปี → 19.9 ปี
  • ผู้ชายเริ่มดื่มเร็วขึ้นเฉลี่ย 0.5 ปี
  • ผู้หญิงเริ่มดื่มเร็วขึ้นเฉลี่ย 1 ปี

3) เด็กและเยาวชนดื่มมากขึ้น

  • วัย 15–19 ปี: ความชุกเพิ่มจาก 9.0% → 9.6%
  • วัย 20–24 ปี: ความชุกเพิ่มจาก 31.6% → 37.8%

พฤติกรรมดื่มเหล้าในไทยกำลังเปลี่ยนไปในทิศทางที่น่ากังวล โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและนักดื่มหนัก การเฝ้าระวังและการป้องกันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ

ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.)

Centre for Alcohol Studies (CAS)

สาขาวิชาเวชศาสตร์ครอบครัวและเวชศาสตร์ป้องกัน อาคารศรีเวชวัฒน์ ชั้น 11 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เลขที่ 15 ถนนกาญจนวนิช ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 90110

083-5775533

https://www.facebook.com/cas.org.th

เข้าชมแล้ว 0 ครั้ง
Copyright © 2025 CAS All rights reserved.